Hot Stories
Home   /   Hot Stories  /   “สุรินทร์ ปาลาเร่” แจงฮัจย์1.5 แสนบาท

“ สุรินทร์” เร่งปลดล็อค 3ปัจจัย แก้ปัญหาฮัจย์แพง

 

            สำนักข่าวอะลามี่: “สุรินทร์ ปาลาเร่” แจงฮัจย์1.5แสนบาท เป็นไปได้ เร่งปลดล๊อก 3 ปัจจัย ” เปิดเสรีการบิน แก้ปัญหาค่าเช่าบ้านในซาอุฯ หาช่องทางผ่อนปรนให้เปลี่ยนฮุจญาจหากไปไม่ได้ ลดความเสี่ยงผู้ประกอบการ” ยันหากทะลายกำแพงปัญหานี้ได้ราคาฮัจย์ปีหน้าได้ราคาถูกอย่างแน่นอน


           พลตำรวจตรี สุรินทร์ ปาลาเร่ เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย เปิดเผย “ สำนักข่าวอะลามี่” ถึงกรณีความสับสนเรื่องราคาของผู้ที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ และมีการเข้าใจว่าจากนี้ไปนี้ราคาฮัจย์จะอยู่ที่ราคา 1.5 แสนบาท นั้น ว่า เรื่องนี้มีปัจจัยหลายด้าน ที่ทำให้ราคาฮัจย์ของประเทศไทยราคาแพง

          ประการแรกคือ ที่ผ่านมา สายการบินไทย เป็นผู้ผูกขาดขาดในการรับส่งผู้แสวงบุญฮัจย์ แบบเช่าเหมาลำ ทำให้ราคาตั๋วแพงมากอยู่ที่ประมาณ 50,000บาท /คน ในขณะที่สายการบินอื่นๆราคาปกติอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นกว่าบาท  แต่ช่วงฮัจย์ราคาขยับสูงขึ้นมาแตะที่ประมาณ30,000 บาท ทำให้ฮุจญาจจากภาคใต้บางส่วนที่ไม่ได้เดินทางกับเครื่องบินเช่าเหมาลำของการบินไทย ต้องมาบินจากสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้ฮุจญาจบอมช้ำจากการเดินทางมาก

          ประการที่สอง การเช่าบ้านของไทยในประเทศซาอุดิอาระเบีย ที่ผ่านมา พบว่าราคาค่าเช่าบ้านแพงกว่าประเทศเพื่อบ้าน เนื่องจากเรามีความล่าช้าในการเช่าที่พัก

         ประการที่สุดท้าย ความเสี่ยงที่ผู้ประกอบการต้องแบกรับ ทั้งนี้หลังจากลงทะเบียนออนไลน์เรียบร้อยแล้ว บริษัทที่ส่งรายชื่อฮุจญาจ จะต้องจ่ายเงินมัดจำค่าบ้านพักและค่าอาหาร ซึ่งจะตกหัวละประมาณ 70,000บาท แต่ปรากฏว่าฮุจญาจบางคนไปทำฮัจย์ไม่ได้ จากเหตุผลอะไรก็ตาม ขณะเดียวกันกรมศาสนา ไม่อนุญาตให้บริษัทเอาคนอื่นมาทดแทนหรือไม่สามารถเปลี่ยนตัวแทนคนที่ไม่สามารถไปได้ ทำให้บริษัทต้องแบกรับความเสี่ยง อย่างน้อย 20,000บาท/คน ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่รู้ ทำให้มองว่า ผู้ประกอบการเอาเปรียบฮุจญาจ

        “ ในปีนี้ผมจัดโครงการนำร่องนำอิหม่าม ในพื้นที่ 4 อำเภอจังหวัดสงขลาไปทำฮัจญ์ โดยคนที่เดินทางจ่ายหัวละ 150,000 บาท ซึ่งคณะที่ไปไม่ผ่านนายหน้าหรือแซะห์ แต่เพื่อให้บริษัทสามารถทำงานได้มีคุณภาพ ได้ใช้เงินส่วนตัวช่วยเหลือบริษัทเพิ่มเติมไปคนละ 30,000บาท ซึ่งเท่ากับว่าราคา180,000 บาท ”


          พลตำรวจตรี สุรินทร์ กล่าวย้ำว่า สำหรับแนวทางการลดต้นทุนเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่จะเดินทางไปประกอบพิธิฮัจย์ หลังจากย้ายจากกรมศาสนา มาสังกัดกระทรวงมหาดไทย นั้น หลังจาก พรบ.ฮัจย์ ผ่านการพิจารณา เราจะดำเนินการแสวงหาหนทางในการลดค่าใช้จ่าย เช่น จะปลดล๊อคจากการผูกขาดของการสายบินไทยเพียงผู้เดียว โดยจะเปิดเสรีให้สายการบินอื่นมาเสนอราคาค่าตั๋ว และเข้ามาบินรับส่งฮัจย์ ซึ่งจุดนี้เองคาดว่าจะสามารถต้นทุนได้อย่างต่ำคนละ15,000 บาท

         ที่ผ่านมามี มติ ครม.ให้สายการบินไทย ผูกขาดแต่เพียงผู้เดียวทำให้ราคาค่าตั๋วโดยสารจึงแพงกว่าปรกติ เนื่องจากไม่มีคู่แข่ง ซึ่งจากนี้ไปจะต้องผลักดันนำเสนอต่อกรรมาธิการเพื่อนำไปพิจารณาเพื่อนำเข้าสภาฯพิจารณาเพื่อปลดล๊อกดังกล่าว”

           นอกจากนี้ สำหรับบ้านพักในซาอุดิอาระเบีย จะต้องเปิดเสรีให้ผู้ประกอบการเสนอราคา เพื่อให้เราพิจารณาเพื่อตัดสินใจ ซึ่งคาดว่าจะสามารถลดต้นทุนได้ประมาณ 2-3 หมื่นบาท/คน

          และ ประเด็นสุดท้าย จะผลักดันให้มีการลดหย่อนเงื่อนไข หรือ ผ่อนปรนให้ผู้ประกอบการสามารถปรับเปลี่ยนฮุจญาจได้ ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่คนใดคนหนึ่งไม่สามารถไปทำฮัจย์ได้ เพื่อลดความเสี่ยงของผู้ประกอบการ

          “ จากประสบการณ์ที่ติดตามข้อมูลการทำฮัจย์ พบว่าทั้งสามประเด็นดังกล่าวเป็นปัจจัยสำคัญที่เป็นต้นทุนทำให้ราคาฮัจย์แพง หากสามารถทะลายปัญหาเหล่านี้ได้ จะช่วยให้ชาวบ้านเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ที่ไม่แพง อีกทั้งผู้ประกอบการฮัจย์เอง ก็ไม่ได้เสียประโยชน์แต่อย่างใด”  เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย กล่าวว่า