Hot Stories
Home   /   Hot Stories  /   ทายาทธุรกิจ ..ลลิดา ขยันการ ..สู่ ยุคผลัดใบ ?ฟิโอเร่?

เปิดตัวทายาทธุรกิจ

  ลลิดา ขยันการ

สู่ ยุคผลัดใบ “ฟิโอเร่”

โดย เอกราช มูเก็ม

              สำนักข่าวอะลามี่ :  หากจะกล่าวถึงอ่าวนาง จังหวัดกระบี่ จะต้องจัดให้ “ตระกูลขยันการ ” เป็นอีกหนึ่งในผู้บุกเบิกธุรกิจการท่องเที่ยวของอ่าวนาง

            นิตยสาร ดิ อะลามี่ ฉบับนี้ เราพามารู้จักกับธุรกิจใน “เครือขยันการ” ผ่านมุมมองคุณ “ สมเกียรติ ขยันการ ” เป็นอีกหนึ่งนักธุรกิจของจังหวัดกระบี่ ที่มีส่วนในการผลักดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จากวันที่อ่าวนาง ยังไม่เป็นที่รู้จัก แต่วันนี้ “อ่าวนาง” คือปลายทางสำคัญอีกแห่งหนึ่งของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

             สมเกียรติ  ขยันการ เจ้าของธุรกิจ อ่าวนางฟิโอเร่ รีสอร์ท (AONANG FIORE RESORT)  บนพื้นที่ 70 ไร่ ในพื้นที่อ่าวนาง และ “ไร่เลย์ วิลเลจ รีสอร์ท” บนหาดไร่เลย์ และเจ้าของธุรกิจเรือ SUNSET CRUISE DINNER M/Y Lalida และธุรกิจการท่องเที่ยว ในจังหวัดกระบี่อีกหลายอย่าง หากจะนับว่าเป็นคหบดีกระบี่ อีกท่านหนึ่งก็ไม่ไม่ผิดมากนัก

             คุณสมเกียรติ เล่าย้อนอดีตให้ฟังว่า เขาเติบโตมาจากครอบครัวชาวบ้านคนหนึ่ง หลังจากจบการศึกษาในระดับชั้นประถมปีที่ 4 เมื่อกว่า 50 ปีที่ผ่านมา ครอบครัวส่งเขาไปเรียนโรงเรียนปอเนาะ เพราะเป็นทางเดียวที่จะทำให้เขามีโอกาสทางการศึกษาในขณะนั้น ซึ่งในระหว่างเรียนปอเนาะ เขาก็เรียนสามัญในระดับมัธยม จนจบมัธยมศึกษาตอนปลาย ก่อนจะออกมาทำงานเลี้ยงชีพตามวิถีลูกผู้ชาย

           “ ชีวิตในวัยรุ่นผมผ่านงานหลากหลายทั้งงานก่อสร้าง งานโรงแรมในทุกแผนก และทำประมง เนื่องจากครอบครัวมีพื้นฐานอาชีพประมง ซึ่งในขณะที่ทำงาน ก็ใช้เวลาในการศึกษาต่อจนจบในระดับปริญญาตรี ”

            คุณสมเกียรติ บอกว่า เนื่องจากธุรกิจประมงเป็นของครอบครัว (ไม่ได้ลงทุนเอง เป็นของครอบครัว) ก็มีรายได้จากการแบ่งปันผลกำไรด้วย  ส่วนอีกด้านเขาก็รับซื้อปลาจากเรือประมง และซื้อปลาจากเพื่อนๆ และปลาส่วนหนึ่งจากที่ผมตกได้ ทำให้เขามีกำไร 2 ต่อ แล้วนำไปขายต่อ รายได้อีกส่วนหนึ่งก็จะมาจากการทำปลาเค็มขายด้วย

            “เมื่อผมมีรายได้ จึงวางแผนการเก็บออมเงิน 30% จากรายได้ทั้งหมด ส่วนที่เหลือ 70% นำมาหมุนเวียนในการลงทุนต่อ เมื่อสะสมเงินได้ในระดับหนึ่ง จึงนำเงินไปซื้อที่ดินสะสมไว้ จากพื้นฐานต้นทุนครอบครัวที่มีที่ดินอยู่แล้ว 8 ไร่ สะสมที่เดินเพิ่มมาเรื่อยๆ กว่า 200 ไร่”

             เมื่อกล่าวถึงธุรกิจในเครือปัจจุบันตลอดกว่า 30 ปี ขยายธุรกิจจนมีความเข้มแข็งในระดับหนึ่ง แต่ปัจจุบันเรายังทำธุรกิจเป็นเชิงเดี่ยวอยู่ โดยเฉพาะการลงทุนทำธุรกิจโรงแรมในวันนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการวางยุทธศาสตร์เมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา ด้วยการเตรียมพื้นที่ในการก่อสร้างและการลงทุน ซึ่งก่อนหน้าเราได้วางแผนและเตรียมพื้นที่ไว้ก่อนแล้ว ซึ่งปัจจุบันมูลค่าโครงการในเครือขยันการ มากกว่า 1,000 ล้านบาท

          “ แม้ว่าวันนี้โรงแรมของเราจะสามารถให้บริการรองรับลูกค้าได้แล้ว แต่งานบริหารโรงแรมก็ยังคงต้องคิดต่อไปอีกว่าจะทำอย่างไรให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการพึงพอใจมากที่สุด รวมถึงการพัฒนาบุคลกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งธีมของรีสอร์ท ที่มีความเป็นธรรมชาติ และเป็นสีเขียว อีกทั้งจะต้องคำนึงถึงความสะอาด ปลอดภัย “Green and clean” โดยเฉพาะพืชผักผลไม้ ที่เราจะต้องปลูกเองเกือบทั้งหมด เพื่อเสิร์ฟลูกค้า ซึ่งผลผลิตจากในสวนสามารถนำมาใช้ในโรงแรมของเราได้ เช่น มะพร้าว เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่มาเมืองไทย ชื่นชอบการกินมะพร้าวเมืองไทยขณะนี้เราปลูกมะพร้าวไว้ 200 ต้น ”


               สำหรับคำว่า คลีน เราคิดต่ออีกว่า จะทำอย่างไรให้รีสอร์ทปลอดมลพิษ บรรยากาศดี กินดี และมีความสุข เมื่อคุณมาพักผ่อนที่นี่ ซึ่งเป็นไปตามบริบท กรีนแอนด์คลีน คือ สวย สะอาด และ มีความปลอดภัย  

              ทุกวันนี้ เรานำวัสดุเหลือใช้ ทั้ง ผัก ผลไม้ และสิ่งเหลือใช้จากในครัว เข้าสู่ระบบน้ำหมักชีวภาพ โดยเราแยกออกเป็น 3 ส่วน ผักผลไม้ เราเอามาทำเป็นน้ำหมัก นำมาทดแทนปุ๋ย ในส่วนเศษของหอยปูปลา นำไปฝังกลบใต้ต้นมะพร้าว ต้นลองกอง หรือต้นไม้อื่นๆ นอกจากนี้ขวดพลาสติก เศษกระดาษเหลือใช้ เก็บขายเข้ากองทุนสวัสดิการพนักงาน และบรรจุภัณฑ์ที่โรงแรมยังสามารถใช้ได้อยู่ ก็นำเข้าสู่ระบบรีไซเคิล

             ในอีก 10 ปีข้างหน้า เราจะต้องคิดต่อให้ครอบคลุมมากขึ้น สามารถผลิตสินค้าอื่นมาเพื่อซัพพอร์ตโรงแรม นอกจาก ผัก ผลไม้ แล้ว เรายังคิดเรื่องอาหารทะเล ที่เป็นห่วงโซ่ทางธุรกิจ “ ซึ่งเมื่อลูกค้าที่มาพักกับเราได้ทั้งสุขอนามัย ได้ทั้งมาพักผ่อน และสร้างประทับใจ สุขกาย สุขใจ สมเกียรติ กล่าวและว่า

              สำหรับแผนการลงทุนของธุรกิจในเครือของเรา ในระยะอันใกล้นี้ ยังมีอีก 2 โครงการ ประกอบด้วย โครงการ เวนิสกระบี่  ซึ่งเดิมเป็นพื้นที่บ่อกุ้ง ในอ่าวน้ำเมา โดยจะเนรมิตที่ดินบนพื้นที่ 35 ไร่ ให้เป็นทะเล เวนิสกระบี่ จำนวน 74 ห้อง

              และอีกโครงการคือ  โครงการซีเม้าท์เทน บนพื้นที่ 45 ไร่ ทางไปไร่เลย์ หรือ บริเวณสวรรค์ชั้น 7 ซึ่งทั้งสองโครงการ คาดว่าจะต้องลงทุนอีกประมาณ 400-500 ล้านบาท ในจำนวนนี้ไม่รวมมูลค่าที่ดินที่มีอยู่เดิมแล้ว

              ในฐานะเป็นคนดั้งเดิม สมเกียรติ  ขยันการ มองการเติบโตของอ่าวนาง ว่า ปัจจุบัน อ่าวนางกระบี่ ก็ไม่ต่างจากพื้นที่ กรุงเทพ พัทยา หรือภูเก็ต ที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ขยายตัวสูงขึ้น ขณะที่พื้นที่มีจำกัด ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญในการลงทุน คือการเมืองและกฎหมาย ตัวแปรสำคัญคือ การเมืองท้องถิ่น ปัจจุบันมีการออกข้อบังคับที่ไม่เอื้อกับระบบสภาพแวดล้อมและสิ่งแวดล้อม

             แต่ปัญหาสำคัญของเมืองท่องเที่ยวคือ ระบบบำบัดน้ำเสีย โรงแรมหรือสถานที่ให้บริการต่างๆ จะต้องมีระบบบำบัดน้ำเสีย ก่อนจะส่งไปยังบ่อบำบัดน้ำเสียกลาง รวมถึงการวางระบบโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ถนน ระบบไฟฟ้า ประปา ที่เป็นองคาพยพที่เชื่อมโยงกันทั้งหมด ซึ่งเมืองท่องเที่ยวอ่าวนางก็ต้องคิดถึงทัศนียภาพของเมืองในอนาคตด้วย

            “ สมเกียรติ ขยันการ ” นักธุรกิจมุสลิมกระบี่ มีมุมมองระยะยาว โดยธุรกิจในเครือวันนี้ ล้วนผ่านการกระบวนการคิดวิเคราะห์ และเป็นการวางยุทธศาสตร์ที่วางไว้มาก่อนหน้าแล้ว สำหรับการลงทุนเราก็ยังต้องวางแผนต่อไป อีกทั้งการส่งไม้ต่อทางธุรกิจในวันนี้ได้อย่างลงตัว

             คุณสมเกียรติ กล่าวถึง การส่งไม้ต่อทางธุรกิจให้กับลูกสาวคนเล็ก “ ลลิดา ขยันการ ” ซึ่งมานั่งในตำแหน่ง รองประธานบริหาร อ่าวนางฟิโอเร่ รีสอร์ท และ ไร่เลย์ วิลเลจ รีสอร์ท  เพราะที่ผ่านมา คิดเสมอว่า วันหนึ่งเราจะต้องมีทายาทมาสืบทอดและดูแลธุรกิจ “ สิ่งที่ผมสั่งสมมาทั้งหมด เพื่อให้ลูกๆ มาต่อยอด และสานต่อให้เกิดประโยชน์ทางธุรกิจ”

           “  ผมส่งลูกสาวคนเล็กไปเรียนโรงเรียนนานาชาติที่หาดใหญ่ ก่อนจะไปเรียนระดับปริญญาตรี ที่สิงคโปร์ และ จบปริญญาโท จากประเทศอังกฤษ (MSc in International Hotel and Tourism Management)จาก Oxford Brookes University ซึ่งผ่านการทดสอบ และ การอดทนในหลายเรื่อง ก่อนจะมารับไม้ต่อในวันนี้”

             คุณสมเกียรติ พูดอย่างภาคภูมิใจ ว่าด้วยประสบการณ์ของเขาที่ผ่านมามากมาย จึงพยายามพาลูก ไปดูทุกสิ่งทุกอย่าง พาไปพบปะผู้คนที่หลากหลายทั้งเครือญาติ และนักธุรกิจ รวมถึงการพาไปดูทิศทางของพระอาทิตย์ เพื่อเป็นแนววิธีคิด ว่า “ พระอาทิตย์ขึ้นทางด้านนี้ และพระอาทิตย์ตกในฝั่งนี้ ท้ายสุดเขาก็จะบอกกับลูกว่า เราจะคิดต่อยอดเรื่องของการทำธุรกิจ การมองวิชั่น และจะนำมาต่อยอดธุรกิจกันอย่างไร”

ฟีโอเร่อ่าวนาง สู่ ยุคผลัดใบ

             วันนี้ ธุรกิจ “ เครือขยันการ ” ได้ส่งไม้ต่อให้กับลูกสาว “นางสาวลลิดา ขยันการ” วัย 22  ปี ใน ตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหาร อ่าวนาง ฟิโอเร่ รีสอร์ท ควบคู่กับดูแลธุรกิจ  เรือ SUNSET CRUISE DINNER M/Y Lalida


             ลลิดา หรือ น้องไลล่า ให้สัมภาษณ์ นิตยสาร ดิ อะลามี่ หลังจากที่มารับหน้าที่ ได้ไม่ถึงครึ่งปี แต่บุคลิกของเธอเต็มไปด้วยพลังแห่งความมุ่งมั่น โดย เธอบอกว่า สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ “  จะต้องสร้างความเป็นมาตรฐาน และนำพาองค์กรไปสู่ความเป็นมาตรฐานยั่งยืนตามมาตรฐานสากล รวมไปถึงการพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพ ”

            ดังนั้นจะต้องกำหนดกรอบหน้าที่และความรับผิดชอบของพนักงานในตำแหน่งนั้นๆ เพี่อที่จะให้พนักงานแต่ละคนได้ปฏิบัติหน้าที่ เป็นไปตามความรับผิดชอบที่มีอยู่ และการทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้อย่างเต็มที่ หรืออาจต้องการคำปรึกษาในส่วนที่เขาบกพร่อง ผู้บริหารก็พร้อมให้คำปรึกษา

            น้องไลล่า อธิบายถึงสิ่งที่เขาคาดหวังหลังจากมาทำหน้าที่ผู้บริหาร ว่า วันนี้เราอยากให้ลูกค้าที่มาเข้าใช้บริการรีสอร์ทของเรา มาแล้วรู้สึกเหมือนมาใช้บริการ 5 ดาว แม้ว่ารีสอร์ท ของเรา จะไม่ถึงระดับ 5 ดาวก็ตาม แต่เมื่อลูกค้าเข้ามาใช้บริการทุกคนจะต้องได้รับความประทับใจ

            แม้ว่าความประทับใจของแต่ละคนระดับอาจไม่เท่ากัน แต่เขาก็ต้องได้รับการบริการที่ดีที่สุด นั่นคือ หน้าที่ความรับผิดชอบของพนักงานในแต่ระดับในการให้บริการลูกค้า รวมถึงระดับผู้บริหารด้วย 

            “ มาตรฐานการบริการที่เรากำหนด หรือ Standard Operating Procedures  (SOPs ) มีความสำคัญมาก คือ เราจะทำอย่างไรให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ในการให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นคนที่ 1 หรือคนที่ 2 ที่มาให้บริการลูกค้า ต้องได้รับบริการที่เหมือนกัน ได้มาตรฐานและสร้างความพึงพอใจให้มากที่สุด

           เธอกล่าวว่า ในอีก 5-6 ปีข้างหน้า เราจะก้าวสู่มาตรฐานหรือรากฐานที่เราวางไว้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องไปเทียบเท่ากับเชนต่างประเทศ  แต่การก้าวไปข้างหน้าของเราก็จะต้องปรับมาตรฐานขององค์กรที่ให้มีความแข็งแรงที่ดีพอ ซึ่งเราพร้อมที่จะพัฒนาบุคลากรของเราตลอดเวลา เพื่อก้าวไปถึงจุดมาตรฐานที่เรากำหนดไว้ เพื่อความพร้อมในการบริการ ไปสู่การสร้างความพึงพอใจกับผู้มาใช้บริการให้มากที่สุด

             เมื่อถามว่า หลังจากเข้ามาบริหารในฐานะทายาทธุรกิจ เธอคาดหวังนำพาองค์กรอย่างไร เธอกล่าวด้วยความมั่นใจว่า “ ทุกคนย่อมอยากเป็นที่หนึ่ง โดยรวมตอนนี้ตลาดเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งตลาดมีการแข่งขันดุเดือดในเรื่องของราคา ถ้าเราสามารถที่จะควบคุมราคา ควบคุมคุณภาพ เราก็ไม่ได้แพ้คนอื่น ซึ่งเราก็จะสามารถมาเป็นที่หนึ่งได้ ดังนั้นจึงมองว่าภายในของเราจะต้องดีก่อน จึงจะสามารถไปแข่งกับคนอื่นได้ ”

            โดยเฉพาะ อ่าวนางฟีโอเร่ รีสอร์ท เราเป็นสไตล์วิลล่า ในอ่าวนาง มีประมาณ 2-3 แห่งเท่านั้น แต่ในบางครั้งบางรายอาจมองคู่แข่งในเรื่องของราคา ซึ่งอาจจะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ต้องมองดูกลุ่มตลาดด้วยว่า ลูกค้าของเรามาจากกลุ่มประเทศไหน

             สำหรับ ฟิโอเร่ อ่าวนาง รีสอร์ท   กลุ่มเป้าหมายลูกค้าของเรา คือ กลุ่มระดับกลางขึ้นบน ไปถึงกลุ่มลัคชัวรี่  เพราะเราเป็น วิลล่า ลูกค้าที่พักที่นี่คือลูกค้าที่พร้อมจะมาพักผ่อน และมีกำลังซื้อ ซึ่งแน่นอนแขกที่มาพักที่นี่ต้องการการบริการที่ดี ณ วันนี้ ลูกค้าหลักยังเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มจีน ตามด้วยกลุ่มยุโรป อันดับสามเป็นมาเลเซีย และอื่นๆ แต่กลุ่มที่น่าสนใจอีกกลุ่มคือ นักท่องเที่ยวกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เนื่องจากกลุ่มนี้มีกำลังซื้อสูง ” ลลิดา กล่าว.

 ฟิโอเร่ สู่มาตรฐานฮาลาล

           อ่าวนาง ฟิโอเร่ รีสอร์ท เป็นความตั้งใจของครอบครัวและผู้บริหาร ที่วางให้เป็นรีสอร์ทฮาลาล และมีความเป็นมาตรฐานการบริการในระดับสากล ทั้งนี้หากจะมองตลาดในกลุ่มประเทศมุสลิมเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน ในจำนวนครึ่งหนึ่งที่เป็นมุสลิม หรือ ประชากรราว 300 ล้านคน หากการตลาดเราถึงผู้บริโภค เชื่อว่าเราจะได้รับการตอบรับอย่างแน่นอน

          “ ทั้งนี้เราเคยต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวโอมาน เขายังคิดไม่ถึงว่า ในประเทศไทยจะมีโรงแรมที่มีมุสลิมเป็นเจ้าของ เพราะเขามองในภาพรวมว่าประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ ทั้งนี้เรามีศักยภาพและมีความพร้อมที่จะให้บริการ เรื่องที่พัก อาหารฮาลาล สถานที่ปฏิบัติศาสนกิจ รวมถึงการโชว์วัฒนธรรมสวนอาเซียน ”

          คุณสมเกียรติ ขยันการ ประธานกรรมการบริหาร อ่าวนาง ฟิโอเร่ รีสอร์ท กล่าวถึงรีสอร์ทแห่งนี้ ว่า ที่นี่รีสอร์ทเป็นฮาลาล ในฐานะที่มีเจ้าของเป็นมุสลิมอยู่แล้ว แน่นอนเราต้องคำนึงถึงเรื่องสุขอนามัย ที่เราจะต้องควบคุม รวมถึงออกนโยบายให้เป็นรีสอร์ท GREEN & CLEEN RESORT

           “ ผมยึดหลักในการทำธุรกิจ 3 อย่าง หนึ่งการประกอบกิจการที่ไม่ผิดกฎหมาย สองต้องยึดหลักการของศาสนา และสามคือการดูแลสังคม ดังนั้นธุรกิจของเราต้องสอดคล้องกับฮาลาล ซึ่งบางครั้งลูกค้าขอดื่มแอลกอฮอล์ในร้านเราต้องปฏิเสธ ยอมที่จะเสียโอกาสรายได้จากลูกค้าในส่วนนี้ก็ตาม “

            อย่างไรก็ตาม การที่ผู้ประกอบการมุสลิมในจังหวัดกระบี่จัดตั้งกลุ่มธุรกิจฮาลาล หรือ ชมรมกระบี่ฮาลาล แอนด์ มุสลิมเฟรนด์ลี่ ขึ้น นับว่าเป็นสิ่งต้องสนับสนุน อย่างน้อยที่สุด การตั้งกลุ่มฮาลาลขึ้น เพื่อทำให้เราอยู่ร่วมกันและเดินไปในทิศทางเดียวกัน การช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกัน

 วางจริยธรรมในองค์กร คืนสู่สังคม

             นอกจากจะทำธุรกิจแล้ว เรื่องของสวัสดิภาพของพนักงานก็เป็นเรื่องสำคัญ จึงสนับสนุนให้เกิดจริยธรรมในองค์กร อีกทั้งยังนำพาองค์กรบริการทางสังคมด้วย คุณสมเกียรติ บอกว่า “ ธุรกิจในเครือฟิโอเร่ เราได้มีแผนในเรื่องของจริยธรรมองค์กร เช่น เดือนบวชหรือเทศกาลถือศีลอดของแต่ละปี  มีเงินซะกาต สำหรับพนักงาน (หัวละ 100/วัน) จากความเหนื่อยล้าในการทำงาน ลดการทำงานลง 30 % ทำให้พนักงานสามารถปฏิบัติศาสนกิจเพื่อเป็นการสนับสนุนและให้กำลังใจกับผู้ที่มีความมุ่งมั่นในแนวทางของศาสนา”

            เขากล่าวว่า เมื่อพนักงานเจ็บไข้ได้ป่วย เราก็มีกองทุนช่วยเหลือพนักงาน 1,000 บาท ตลอดจนเงินเยี่ยมพ่อแม่ ทั้ง 2 ฝ่าย (หญิง,ชาย) เป็นเงินซอดาเกาะห์ (บริจาคฟรี)นอกจากนี้ กองทุนสวัสดิการ ได้มีรายได้จากสิ่งของเหลือใช้ในโรงแรม ขายกระดาษ ขวดพลาสติก เราก็นำเงินเหล่านี้ไปใส่ในกองทุนสวัสดิการพนักงาน และกองทุนยืมสำหรับกับพนักงาน

            “ ไม่เพียงเท่านั้น เงินจากกองทุนดังกล่าว เรายังนำกลับไปคืนสู่สังคม หรือการทำกิจกรรมทางสังคม (Corporate Social Responsibility: CSR ) ให้กับสาธารณประโยชน์ทั่วไป การจัดสรรงบประมาณไปสนับสนุนมัสยิด จัดกิจกรรมร่วมทำความสะอาด และค้นหาโรงเรียนที่ด้อยโอกาส ด้านการศึกษา และ เด็กกำพร้า สมเกียรติ กล่าวและว่า

             กิจกรรมดังกล่าวนอกจากจะเป็นการสร้างจริยธรรมภายในองค์กรแล้ว ยังเป็นการสนับสนุนให้พนักงานรู้จักการให้ และการเป็นจิตอาสาเพื่อตอบแทนสังคมอีกด้วย.

หมายเหตุ: ตีพิมพ์ครั้งแรก นิตยสาร ดิ อะลามี่ ฉบับพฤศจิกายน 2560
 #www.thailandmuslimfriendly.com