Hot Stories
Home   /   Hot Stories  /   ดึงเยาวชนปลูกปัญญา สร้างองค์ความรู้อยู่ร่วมกันสันติสุขชายแดนใต้

ผู้แทนพิเศษของรัฐบาลดึงเยาวชนปลูกปัญญา

สร้างองค์ความรู้อยู่ร่วมกันสันติสุขชายแดนใต้

                สำนักข่าวอะลามี่ : ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ดึงเยาวชนระดับปัญญาชนจาก5 สถาบัน ทัศนศึกษาเรียนรู้ร่องรอยประวัติศาสตร์ และเติมเต็มแนวคิดที่ถูกต้องสร้างการเรียนรู้การอยู่ร่วมกันในพหุวัฒนธรรม ลดความขัดแย้งสู่สันติสุขยั่งยืน


               พล.อ.ปราการ  ชลยุทธ  ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ในฐานะหัวหน้างานด้านความมั่นคง  : กลุ่มภารกิจงานที่ ๑ งานรักษาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน กล่าวถึงความร่วมมือในการ MOU กับมหาวิทยาลัย 5 สถาบัน ว่าเป็นหนึ่งในกลไกการขับเคลื่อนแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ ในเชิงพหุวัฒนธรรมนำไปสู่สันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้

               ทั้งนี้ รัฐบาลได้รับความมือจากคณะอาจารย์ ร่วมทำงานวิจัยเพื่อค้นหาสาเหตุของความรุนแรงในพื้นที่ โดยสิ่งที่คณะอาจารย์เราค้นพบคือ การแบ่งแยกของพี่น้องประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชนซึ่งมีรายละเอียดลึกซึ้ง

              “ จากผลของการวิจัยพบว่า การฟื้นฟูการอยู่ร่วมกันโดยสันติ หรือ พหุวัฒนธรรม จะนำมาเพื่อสันติสุขได้ โดยการเข้าไปสร้างความรู้ความเข้าใจกับทุกกลุ่ม ในชุมชนนั้นๆ ซึ่งเราได้จัดทำโครงการในปี 2561-2562 อย่างต่อเนื่อง คือ การเข้าไปให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องของประวัติศาสตร์ ประเพณี พหุวัฒนธรรม และหลักการของศาสนากับกลุ่มต่างๆ ” พล.อ.ปราการ   กล่าว

              สำหรับกิจกรรมเข้าค่ายจิตอาสาในครั้งนี้ได้อบรมเยาวชนจาก 5 สถาบัน ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตปัตตานี มหาวิทยาลัยฟาฏอนี มหาวิทยาลัยทักษิณ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เข้าร่วมกิจกรรม โดยกาสรจัดทัศนศึกษาศาสนสถาน มัสยิด และเข้าเยี่ยมสุสานสุลต่านสุลัยมานซาห์ (อดีตเจ้าเมืองสงขลา ซึ่งที่เป็นชาวมลายู ในยุคเดียวกับสมัยพระนรายณ์มหาราช เป็นผู้สร้างเมืองสงขลา ( ริมเขาแดง )

               นอกจากนี้ยังไปดูและศึกษาร่องรอยทางประวัติศาสตร์ “ ป้อมปราการเมืองสิงขลา”ในอดีต เพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจให้กับนักศึกษาระดับอุดมศึกษาปัญญาชน ซึ่งเราคาดหวังว่าจะนำไปสู่ความรู้และความเข้าใจในการสร้างสันติสุขในพื้นที่ได้

              พล.อ.ปราการ กล่าวถึงกิจกรรมในครั้งนี้ว่า คณะกรรมการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ส่วนหน้า หรือ คปต.ส่วนหน้า ในฐานะผู้แทนพิเศษของรัฐบาลคาดหวังนำไปสู่ความเข้าใจเรื่องของประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ความเป็นมา โดยหัวหน้ากลุ่มนักศึกษาสามารถนำมาเขียนโครงการนำเสนอต่อ ซึ่งจะมีนักวิชาการให้คำแนะนำ และสามารถนำมาสู่การปฏิบัติลงพื้นที่เผยแพร่

               “ อีกกลุ่มหนึ่งคือระดับโรงมัธยม ในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา โดยนำโรงเรียนสอนศาสนาสร้างความเข้าใจมีทั้งหมด 90 โรงเรียน ที่จะเข้ามาร่วมกับเรา โดยให้ทางบาบอ หรือผู้นำของโรงเรียน มาร่วมกิจกรรมสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องถึงการอยู่ร่วมกัน รวมถึงการอบรม สร้างความเข้าใจในเยาวชน มาพัฒนาร่วมกัน “


               พล.อ.ปราการ  กล่าวว่า ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ความรุนแรง  มีความไม่เข้าใจ เป็นบ่อเกิดของความรุนแรง ถ้าเยาวชนและชุมชนต่างๆได้เรียนรู้และเข้าใจในเรื่องของหลักการของศาสนา ประเพณีและวัฒนธรรมการอยู่ร่วมกันโดยสันติ เชื่อว่าจะทำให้สันติสุขกลับมาได้ในพื้นที่ได้โดยเร็ว

               ตอนนี้ชายแดนใต้อาจจะโดนความรุนแรงกดทับมานาน ซึ่ง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าเอง ในขณะที่ผมทำงานเป็นแม่ทัพภาคที่ 4  เคยลงไปทำงานในพื้นที่โดยคัดพื้นที่อำเภอละ 2 ตำบล รวม 60 กว่าตำบล เข้าไปสนับสนุนให้เกิดพหุวัฒนธรรม ทำให้เกิดความมั่นใจ และลดความหวาดระแวง ชุมชนกล้าแสดงออกมา ผมเชื่อว่าจะเป็นแนวทางที่จะทำให้เกิดความสุขกลับคืนมาและกลายเป็นสันติสุขในพื้นที่ในที่สุด “

                ทั้งนี้ พลเอกปราการ ย้ำว่า การแก้ปัญหาในพื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ น้อมนำยุทธศาสตร์พระราชทาน “ความเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” เพราะฉะนั้นทุกส่วนและทุกองค์กรจะต้องเข้าใจว่า อะไร คือปัญหา เราจะแก้ปัญหาอย่างไร แสวงหาความเข้าใจ และร่วมมือกับทุกภาคส่วนและทุกองค์กร ข้าราชการหน่วยงานต่างๆและพี่น้องประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐ องค์กรปกกรส่วนท้องถิ่น

               “ ทั้งหมดเหล่าต้องมีความเข้าใจและร่วมมือกัน นำไปสู่ความสำเร็จ มีความเข้าใจคือ การรู้ ส่วนเข้าถึง คือ การผูกมิตรร่วมคิดร่วมทำ พัฒนาร่วมกัน นำไปสู่ความสำเร็จ ในที่สุด”


#คปต.ส่วนหน้า