Hot Stories
Home   /   Hot Stories  /    ปรีชา สุบิน : ทายาท แสงบัวทองวิลล่า นักธุรกิจมุสลิมแห่งเมืองนนท์

 ปรีชา สุบิน  ทายาท “ แสงบัวทองวิลล่า ”

  นักธุรกิจมุสลิมแห่งเมืองนนท์

           สำนักข่าวอะลามี่:  “ แสงบัวทองกรุ๊ป ” ธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ นับเป็นผู้บุกเบิกการทำบ้านจัดสรรในแวดวงมุสลิมรายแรกของประเทศไทย ได้ยืนเคียงข้างกับชุมชนบางบัวทอง มานานกว่า 30 ปี

           จากอดีตกว่า 30 ปี จนถึงวันนี้ “ แสงบัวทองกรุ๊ป ” ส่งต่อธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่น โดยมี “นายห้างสุอิส สุบิน” เป็นผู้บุกเบิก วันนี้ได้ส่งไม้ต่อให้ “ปรีชา สุบิน” ทายาท “ แสงบัวทองวิลล่า ” นักธุรกิจมุสลิมสายเลือดใหม่

           ปรีชา สุบิน PREECHA SUBIN ) กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสงทองวินล่า จำกัด เล่าย้อนถึงเส้นทางชีวิตกว่าจะมาถึงวันนี้ว่า เขาเติบโตในครอบครัว พ่อกับแม่เปิดร้านขายของในชุมชนสีลม ซึ่งในยุคปี 2510 ชุมชนสีลมในขณะนั้น นับได้ว่าเป็นชุมชนแออัด ผ่านอุปสรรคในชุมชนมามากมาย ทั้งปัญหาเรื่องยาเสพติด  ปัญหาลักเล็กขโมยน้อย แต่ยังมีโอกาสได้เรียนหนังสือและเรียนศาสนา ที่มัสยิดยะหวา เป็นศูนย์รวมทางจิตใจทั้งการปฏิบัติศาสนกิจและการเรียน การสอนอัลกุรอ่าน ของชุมชน

            ด้วยครอบครัวให้ความสำคัญกับการศึกษา จึงส่งเรียนประถมศึกษาที่โรงเรียนวิริยาลัย ซึ่งเป็นโรงเรียนคริสต์  ซึ่งในมุมมองบางคนอาจขัดแย้งกับความรู้สึกมุสลิม แต่ที่นั่นเป็นโรงเรียนเดียวที่ผมได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษ

           จากนั้นเรียนต่อ ปวช. ที่โรงเรียนช่างกลสยาม ย่านจรัลสนิทวงศ์ หลังเรียนจบด้วยสภาพครอบครัวค้าขาย คุณพ่อคุณแม่ก็อยากให้เรามาช่วยครอบครัว แต่เราคิดว่าอยากทำงานด้านอื่นบ้าง จึงขอคุณพ่อไปเรียนต่อ ที่วิทยาลัยช่างเทคนิคสยาม จนจบ ปวส. แต่ด้วยที่เราไม่อยู่นิ่งและคิดว่าจะหาโอกาสให้กับตัวเองมากกว่านี้ ในที่สุดในปี 2526 ตัดสินใจไปทำงานประเทศซาอุดิอาระเบีย อยู่ที่นั่น 4 ปี

           “ หลังจากกลับจากซาอุฯ ผมก็คิดเสมอว่า เรามีวุฒิการศึกษาแค่ ปวส. การทำงานยุคใหม่อย่างน้อยต้องจบระดับปริญญาตรี ก่อนจะไปเรียนต่อ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ สาขาวิศวกรช่างยนต์ (Engineer) ”  


            ปรีชา กล่าวว่า จากประสบการณ์ชีวิตที่เรียนรู้โดยตรง ซึ่งขณะนั้นคุณพ่อทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซื้อมาขายไป และมีธุรกิจโรงสีที่จังหวัดชัยนาท ท่านอยากให้เรามีประสบการณ์เหมือนคุณพ่อ ต่อมาจึงเกิดโปรเจค ” แสงบัวทองวิลล่า ” และก่อตั้งบริษัท ในปี 2533 ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และบ้านจัดสรร โครงการแรกจำนวน 500 ยูนิต

               โครงการดังกล่าวออกแบบหมู่บ้าน ด้านหน้าของแปลงที่ดินติดถนนเป็นอาคารพานิชย์ บริเวณกลางหมู่บ้านเป็นทาวเฮาส์ ส่วนด้านในสร้างเป็นลักษณะบ้านเดี่ยว ทั้งนี้เจตนาของคุณพ่อ อยากให้เป็นหมู่บ้านมุสลิม ประกอบกับบริเวณชุมชน มีความพร้อมทั้งมัสยิด โรงเรียน สถานีอนามัย จึงน่าจะสร้างชุมชนที่มีคุณภาพได้

               ต่อมาหลังจากธุรกิจเริ่มอยู่ตัวและเข้าระบบเริ่มมีเวลามากขึ้นจึงตัดสินใจเรียนต่อระดับปริญญาโท สาขารัฐประศาสนศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยศรีปทุม

            “ การทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ไม่ได้ราบรื่นเสมอไป ในปี 35 เกิดเหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ  ธุรกิจส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ในยุควิกฤติต้มยำกุ้งในปี 40 ก็ซ้ำเติมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หลายโครงการเดินต่อไม่ไหว แต่สำหรับโครงการแสงบัวทองวิลล่า เราแทบไม่กระทบเพราะเราลงทุนด้วยเงินส่วนตัว อีกทั้งเราใช้กลยุทธการตลาดสร้างไปขายไป จึงไม่กระทบจากวิกฤติดังกล่าว ”

             ปรีชา กล่าวว่า ปัจจุบัน กลุ่มแสงบัวทอง นอกจากจะทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้แบรนด์ “แสงบัวทองวิลล่า” ปัจจุบันมี 3 โครงการ เรายังมี ร้านอาหารมุสลิมแสงบัวทอง เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2540 ซึ่งเป็นร้านอาหารมุสลิมที่มาตรฐาน สามารถรองรับงานเลี้ยงงานประชุม อยู่ในโครงการแสงบัวทอง

            นอกจากนั้นต่อยอดธุรกิจด้วยการไปทำหมู่บ้านจัดสรรที่ เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และที่หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ ขายให้กับฝรั่ง

           สำหรับการมีส่วนร่วมกับสังคม ในฐานะที่เป็นนักธุรกิจและเป็นผู้บุกเบิกสร้างหมู่บ้านจัดสรรในบังบัวทอง ปรีชา กล่าวว่า “ เราสนับสนุนการอยู่ร่วมของสังคมจัดให้ทุนการศึกษา ด้านสุขลักษณะ จัดให้มีการตรวจสุขภาพชุมชน จัดกิจกรรมต่อต้านยาเสพติด ” 

           สำหรับส่วนตัวยังเป็น กรรมการตรวจสอบตำรวจ (กก.ตร.บางบัวทอง) และยังได้รับการแต่งตั้งจากนายอำเภอ ให้เป็นกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตของอำเภอบางบัวทอง และยังเป็นที่ปรึกษาโรงพยาบาลบางบัวทอง อีกด้วย

           ปรีชา กล่าวย้อนถึงความผูกพันกับบางบัวทอง ว่า แม้ส่วนตัวจะไม่ได้เกิดที่บางบัวทอง แต่ในวัยเด็กมักจะขออนุญาตคุณพ่อและครอบครัวมาหาญาติพี่น้องที่บางบัวทองเสมอ ซึ่งการเดินทางไม่ง่าย เพราะมาจากสีลม จะต้องนั่งรถหลายต่อ จากนั้นก็ต้องต่อเรืออีกทอด เพื่อมาหาญาติพี่น้อง แต่เรามีความสุขมากกับวิถีชีวิต ที่บางบัวทอง


             อย่างไรก็ตามแม้ช่วงเวลาที่เปลี่ยนผ่าน ทำให้ชุมชนบางบัวทอง ก็เปลี่ยนแปลง ปัจจุบัน มีการลงทุนขนาดใหญ่ มีรถไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้า มีศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่ พื้นที่บางบัวทองและจังหวัดนนทบุรี จะเป็นเส้นทางสัญจรสู่ภาคเหนือ-ใต้และตะวันออก เป็น ฮับการเดินทางและระบบโลจิสติกส์

            “ จากนโยบายการพัฒนาของรัฐบาล ทำให้มีการขยายตัวมาย่านบางบัวทองมากขึ้น จะเห็นได้ว่ามีการลงทุนของหลายบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ มาลงทุนในพื้นที่และใกล้เคียง ดังนั้นจึงอยากให้คนบางบัวทอง ปรับตัวเพื่อรองรับการขยายตัวที่กำลังเกิดขึ้นในระยะอันใกล้นี้  ” ปรีชา กล่าว.