Hot Stories
Home   /   Hot Stories  /   แบงก์รัฐยอมจำนน จ่ายเงินสมทบกองทุนฟื้นฟู

แบงก์รัฐยอมจำนน จ่ายเงินสมทบกองทุนฟื้นฟู

             สำนักข่าวอะลามี่ : แบงก์รัฐยอมจำนน จ่ายค่าธรรมเนียม 0.47 เข้ากองทุนเงินสมทบกองทุนฟื้นฟู ตามนโยบาย ขณะที่ผู้บริหารธนาคาร "ออมสิน-ไอแบงก์-ธอส."ประสานเสียงไม่กระทบฐานะของธนาคาร

           นายเลอศักดิ์ จุลเทศ ผู้อำนวยการ ธนาคารออมสิน บอกว่า ธนาคารพร้อมที่ตะดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการให้ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐจ่ายค่าธรรมเนียมส่งเข้ากองทุนเงินพัฒนาประเทศ ของธนาคารแห่งประเทศไทย สำหรับแก้ปัญหาหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ ในอัตราร้อยละ 0.47 ของฐานเงินฝาก ในสัดส่วนเท่ากับธนาคารพาณิชย์ ในส่วนของออมสินต้องส่งเงินค่าธรรมเนียมสมทบประมาณ 8,400 ล้านบาท จากฐานเงินฝากปัจจุบัน  1.5 ล้านล้านบาท ยอมรับว่าอาจกระทบต่อกำไรสุทธิในปีนี้ให้ลดลงบ้าง แต่จะทำให้การนำส่งรายได้ให้กับภาครัฐลดลงเช่นเดียวกัน นับว่าเป็นการเปลี่ยนช่องทางในการส่งเงินเข้ารัฐเท่านั้น เพราะรัฐบาลได้นำไปใช้แก้ปัญหาหนี้อีกทางหนึ่ง แต่เปลี่ยนจากการคำนวณกำไรสุทธิต่อปี มาเป็นคำนวณจากฐานเงินฝาก

            " แนวทางดังกล่าว ยืนยันว่าไม่กระทบต่อฐานะทางการเงินของธนาคาร โดยจะไม่ผลักภาระไปยังลูกค้าของธนาคารทั้งในส่วนของดอกเบี้ยเงินกู้ และดอกเบี้ยเงินฝาก เพราะเงินฝากประจำและสลากออมสินสัดส่วนประมาณร้อยละ 80  มีกำหนดระยะเวลาชัดเจน คงไปลดอัตราดอกเบี้ยก่อนกำหนดไม่ได้  และธนาคารไม่มีความจำเป็นต้องระดมเงินฝากจากลูกค้าในส่วนอื่น โดยธนาคารออมสินตั้งเป้าปีนี้ให้ฐานเงินฝากเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จากปัจจุบันที่อยู่ที่ 1.5 ล้านล้านบาท" นายเลอศักดิ์ กล่าว

            ด้าน นายธีระศักดิ์  สุวรรณยศ ผู้จัดการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) กล่าว่า แนวทางนำส่เงินเข้ากองทุนเงินพัฒนาประเทศ จะทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ยเงินฝาก และเงินกู้จากระดับร้อยละ 2.8-3.2เมื่อหักลบกับเงินนำส่งร้อยละ 0.47 จะทำให้ส่วนต่างลดเหลือร้อยละ 2.2-2.7 และอาจทำให้ไอแบงก์ต้องชะลอการปรับอัตราเงินผลตอบแทนทั้งสินเชื่อและเงินฝากไปก่อนระยะหนึ่ง แม้แนวโน้มดอกเบี้ยของระบบจะลดลงจากการส่งสัญญาณของ กนง. .-

          ขณะที่ นายวรวิทย์  ชัยลิมปมนตรี  กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์  (ธอส.)   กล่าวว่า  แม้ต้องนำเงินส่งเข้ากองทุนเงินพัฒนาประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร้อยละ 0.47  ของฐานเงินฝากตามนโยบายของรัฐบาล  แต่จะไม่ผลักภาระให้ลูกค้า  โดยมองว่านโยบายดังกล่าวทำให้ลูกค้าได้ประโยชน์  เพราะธนาคารคงไม่ยอมเสียลูกค้า  จึงยังคงเดินหน้าให้ดอกเบี้ยสูงในโครงการเงินฝาก      5 เดือน ดอกเบี้ยเฉลี่ยร้อยละ 3.41  และตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ระดับเดิม

           ทั้งนี้  ยืนยันแนวทางดังกล่าวไม่กระทบฐานะของธนาคารเพราะมียอดเงินฝากสูงถึง  580,000  ล้านบาท  สินเชื่อ  680,000  ล้านบาท  เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง  15.3  เท่า  กำไรปี  2554  จำนวน  7,000  ล้านบาท  

           อย่างไรก็ตาม  ยอมรับว่าอาจทบทวนเป้าหมายการระดมเงินฝากและการปล่อยสินเชื่อบ้างแต่ยังคงเดินหน้าระดมเงินฝาก  25,000  ล้านบาท  และสินเชื่อใหม่  38,000  ล้านบาท  โดยขณะนี้มีสภาพคล่องส่วนเกินรองรับการหมุนเวียนของธนาคาร  แต่การจะนำส่งกองทุน ธปท.สัดส่วนเท่าใด  คงต้องหารือกับกระทรวงการคลัง.