Hot Stories
Home   /   Hot Stories  /    "ตงฟง-กสิกร"จับมือตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ในไทย

 "ตงฟง-กสิกร"จับมือตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ในไทย

         สำนักข่าวอะลามี่ : ตงฟง มอเตอร์ส เตรียมผุดโรงงานประกอบในประเทศ หลังได้แรงหนุนทางการเงินจากกสิกรไทย หวังดึงผู้ประกอบรถยนต์ในจีน ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตส่งออกรถยนต์ในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นฐานการส่งออกรถยนต์ไปจำหน่ายยังประเทศลาว กัมพูชา พม่า และมาเลเซีย ภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่ไทยจะเข้าไปร่วมในปี 2558

             นายพิทยา ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตงฟง ออโต้โมบิล (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในส่วนของตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็กซึ่งเป็นตลาดเป้าหมายหลักของบริษัท ตงฟง มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด นั้น ในปีที่ผ่านมา ปี 2554 ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็กมียอดขายรวมทั้งสิ้นกว่า 6,000 คัน หรือเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้าประมาณ 74% โดยในส่วนของยอดขายรถยนต์ ตงฟง เองนั้นมียอดขายทั้งสิ้นกว่า 2,000 คัน และมีการเติบโตที่สูงขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 127% ซึ่งในปีนี้ บริษัท ฯ คาดว่ายอดขายรถยนต์ของตงฟง จะอยู่ที่ประมาณ 3,000 คัน หรือเติบโตขึ้น 90% จากปี 2554 ทำให้ต้องสร้างโรงงานเพิ่มอีก 1 แห่ง เพื่อรองรับการเติบโตของยอดขาย โดยโรงงานแห่งนี้จะทำหน้าที่ประกอบรถยนต์ ตงฟง ทั้งหมด 3 รุ่น คือ ตงฟง มินิทรั๊ค, ตงฟง มินิแวน และ ตงฟง V-Series ซึ่งเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง สำหรับจำหน่ายในประเทศไทย

             สำหรับปัจจัยที่จะสนับสนุนการขายให้ได้ตามเป้านั้น ตงฟงได้มุ่งเน้นที่การปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของสินค้าจีน ในความคิดของผู้บริโภคไปสู่  “คุณภาพที่ได้มาตรฐานและบริการที่ดี” เพื่อเป็นการยกระดับสินค้าจีนในความรู้สึกของผู้บริโภค โดยจะมุ่งเน้นที่การสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าทั้งก่อนและหลังการขายเป็นหลักเพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุด ภายใต้แนวคิดของ “การต้อนรับด้วยพรหมแดง” หรือ “Red Carpet” เพื่อให้ลูกค้าทุกคนที่เข้ามาในโชว์รูม ตงฟง รู้สึกว่าตนเองเป็นเสมือนหนึ่งคนพิเศษของ ตงฟง และเดินกลับออกไปพร้อมด้วยความรู้สึกประทับใจในตราสินค้า ตงฟง

            นอกจากนั้น ตงฟงยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาคุณภาพสินค้าให้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้า โดยทางบริษัท ได้ใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตขึ้นในประเทศกว่าร้อยละ 40 ของชิ้นส่วนทั้งหมดเพื่อใช้ในการประกอบรถยนต์ที่โรงงานประกอบแห่งใหม่นี้ รวมไปถึงการเปิดตัวสินค้าใหม่ให้หลากหลายและครอบคลุมถึงความต้องการของลูกค้ากลุ่มต่างๆ ให้มากยิ่งขึ้น เช่นการเปิดตัวรถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง “ตงฟง V-Series” เพื่อเป็นการเสนอทางเลือกใหม่ให้แก่กลุ่มลูกค้าบุคคลทั่วไปและกลุ่มลูกค้าแบบครอบครัวที่กำลังมองหารถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง สำหรับการใช้ในชีวิตประจำวัน

           ด้าน นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทย ได้ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่บริษัท ตงฟง ออโต้ โมบิล (ประเทศไทย) จำกัด (Dongfeng Automobile (Thailand)) จำนวน 106.82 ล้านบาท เพื่อใช้ในการก่อสร้างโรงงานประกอบรถยนต์แบรนด์ตงฟงจากประเทศจีน ภายในนิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ด้วยกำลังการผลิต 5,000 คันต่อปี ซึ่งประเทศไทยจะเป็นฐานการผลิตแห่งเดียวในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในอนาคตมีโครงการจะส่งออกรถไปจำหน่ายยังประเทศลาว กัมพูชา พม่า และมาเลเซีย ภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)

           นายพัชร กล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารกสิกรไทย ให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจระหว่างนักธุรกิจไทย-จีนอย่างมาก ปัจจุบันมีนักธุรกิจเอสเอ็มอีจีนที่เข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยทั้งสิ้น 2,000 ราย ในจำนวนนี้ใช้บริการทางการเงินกับธนาคารแล้วจำนวน 800 ราย โดยมียอดสินเชื่อรวมทั้งหมดประมาณ 2,200 ล้านบาท โดยธนาคารกสิกรไทย มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ในระบบธนาคาพาณิชย์

             ธนาคาร ฯ ยังจัดตั้งทีมผู้ดูแลความสัมพันธ์ลูกค้าจีน เพื่อดูแลนักธุรกิจจีนที่ต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยโดยเฉพาะ รวมถึงเป็นที่ปรึกษาในเรื่องการทำธุรกิจและเรื่องการเงินให้กับลูกค้า และจัดตั้งศูนย์ธุรกิจไทย-จีน เพื่อเป็นศูนย์กลางในการค้นหาหรือสอบถามข้อมูลเชิงธุรกิจ สำหรับนักธุรกิจจีนที่ต้องการเข้ามาลงทุนในไทย รวมทั้งนักธุรกิจไทยที่ต้องการไปลงทุนในจีน นอกจากนี้ ยังจัดกิจกรรม Business Matching เพื่อให้คู่ค้าระหว่างไทย-จีน ได้มาพบเจอกันที่ศูนย์ธุรกิจไทย-จีน อีกด้วย

           ส่วน นายอิสระ วงศ์รุ่ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลิสซิ่งกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า จีนเป็นประเทศผู้ผลิตและเป็นตลาดรถยนต์ใหญ่อันดับหนึ่งของโลก ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาผู้ผลิตรถยนต์ของจีนเริ่มเข้ามารุกตลาดในไทย โดยในปี 2554 รถยนต์ของจีนมียอดขายรวมทั้งสิ้น 3,209 คัน คิดเป็นอัตราการขยายตัว 52% จาก 2,111 คันในปี 2553 แต่คิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.4% ของยอดขายรถยนต์ของไทยในปี 2554 ที่มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 794,486 คัน

           สำหรับในปี 2554 เฉพาะตลาดรถยนต์จีนในกลุ่มเชิงพาณิชย์ทำยอดขายเพิ่มขึ้นเท่าตัว ด้วยยอดขาย 2,108 คัน จาก 974 คันในปี 2553 ขณะที่แนวโน้มยอดขายในปี 2555 น่าจะยังเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากการเข้ามาบุกตลาดอย่างจริงจังของบริษัทผู้ผลิต เนื่องจากรถยนต์จีนมีราคาย่อมเยา ระดับราคาต่ำกว่า 3 แสนถึง 5 แสนบาท จึงสามารถดึงดูดความสนใจจากลูกค้าธุรกิจได้มากพอสมควร โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี เนื่องจากเป็นรถที่เหมาะกับการใช้งานบรรทุกสินค้าในปริมาณที่ไม่มาก คล่องตัว ประหยัดเชื้อเพลิง และคุ้มค่าสำหรับธุรกิจที่ไม่ใหญ่นัก

             นายอิสระ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด จะให้การสนับสนุนทางการเงินให้กับผู้แทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจาก บริษัท ตงฟง ออโต้โมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ในรูปแบบธุรกิจลีสซิ่ง (Captive Finance) โดยปัจจุบันมีการสนับสนุนสินเชื่อให้กับผู้แทนจำหน่ายกลุ่มแรกจำนวน 40 ราย วงเงินรวมประมาณ 195 ล้านบาท