The Alami Report
Home   /   The Alami Report  /   “ค่าของคน”

“ค่าของคน”
โดย: วินัย  สะมะอุน

            แน่นอนที่สุดค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน  หากคนเราเกิดมาแล้วไม่ยอมทำอะไรเลย เขาย่อมเสียทีที่เกิดมา สังขารที่เจริญเติบโตอย่างไม่รู้ตัว เป็นสังขารที่เก็บค่าแห่งความสิ้นเปลืองไว้อย่างไร้สาระเสมือนร่างกายเก็บขยะโภชนาการที่แปรสภาพจากเนื้อ จากผัก จากข้าว จากไข่ จากนมเนย และอื่นๆ อีกสารพัดชนิดอาหารเหล่านั้นเข้าไปรวมตัวกันอยู่ในกระเพาะเป็นเศษอาหารที่กองรวมอยู่ในกระเพาะเป็นก้อนโตเหมือนกองขยะ มันช่างสุดเหม็นย่างน่ารังเกียจเสียเหลือเกิน เพียงสิ่งที่มันปล่อยผ่านรูต่างๆในร่างกายออกมาสู่ภายนอกหรือยังมีบางส่วนที่ค้างอยู่ไม่ว่าจะเป็นวัสดุหรือเป็นลมก็ไม่ปรากฏว่ามีอะไรหอมน่าดอมดมเลยสักชิ้นเดียว  นอกจากมันมีแต่สิ่งที่เหม็นอย่างร้ายกาจทั้งนั้น

          มนุษย์จึงต้องกลบเกลื่อนกลิ่นตัวเองด้วยสบู่และน้ำหอมที่มีราคาแพง ยิ่งน้ำหอมที่ผลิตจากต่างประเทศราคาจะยิ่งสูง แต่ผู้ใช้ไม่เสียดายแฮะ กลับพลิ้วโชยกลิ่นหอมให้กระจายออกไปไกลและนานเท่าใดจะยิ่งรู้สึกว่าตัวเองมีค่าเสียเหลือเกิน นอกจากตัณหาที่เกิดจากการสัมผัสทางจมูก หรือทางตา หรือทางผิวกายจะสามารถกลบเกลื่อนกลิ่นตัวไว้ได้แล้วก็ตาม

          ผลงานของมนุษย์ตั้งแต่มนุษย์คนแรกจนถึงปัจจุบัน การกระจายเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์ออกไปอย่างกว้างขวางสมดั่งอัลกุรอานได้บัญญัติว่า มีอยู่หลากหลายเผ่าหลากหลายตระกูล  นักวิชาการได้แบ่งออกเป็น 4 เชื้อชาติ คือ

        ๑. โปลินิเชียน รูปร่างเตี้ย แคระ  จมูกแบน  ผิวเนื้อดำคล้ำ  เช่น  นิโกร
        ๒. แคสเปียน หรือ ซามาเทียน  รูปร่างสูง ผิวขาว  จมูกโด่ง บรรพบุรุษของฝรั่งขาว
        ๓. เตอรกี  หรือ ตูรัน  รูปร่างสันทัด  ผิวคล้ำแดง  จมูกโด่ง  เช่น เตอร์ก ไอยคุปด์  เปอร์เซีย
        ๔. มงคล  หรือ มงโกล  รูปร่างสันทัด จมูกค่อนข้างแบน  ผิวเหลือง  เช่น ไทย   จีน  ญี่ปุ่น  พม่า  มอญ ญวน
(ข้อมูลจาก  วิกิพีเดีย)

           แต่..วิกิพีเดีย ทำตกเชื้อชาติมลายูไปหนึ่งรายการ  เชื้อชาติมลายูมีกำหนดในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคก่อนลังกาสุกะ ซึ่งประชากรนับถือศาสนาฮินดู  ต่อมาเปลี่ยนเป็นปะตานี เมื่อเจ้าเมืองและประชากรนับถือศาสนาอิสลาม  ดีที่ วิกิพีเดีย ห้อยท้ายไว้ด้วย “ฯลฯ” 

          แต่เดิมผมเองบรรพบุรุษอยู่แถวไทรบุรี บริเวณกะดะฮฺ ปัตตานี จึงถือได้ว่าผมเป็นผู้มีเชื้อชาติมลายูรุ่นที่ 4  ซึ่งบรรพบุรุษของผมก่อนหน้านั้นได้ถูกอพยพมาอยู่ริมคลองแสนแสบจนปัจจุบัน 

         แม้วิถีอพยพจะเจ็บปวดรวดร้าวเพราะเป็นเชลย ก็เป็นเพียงอดีต และความเจ็บปวดนั้นได้หายไปแล้วสิ้นเชิง  หากยังคงสภาพเจ็บปวดอยู่อย่างไม่เลิกรา ผมว่าความเจ็บปวดนั้นไม่มีประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น

         ดังนั้นการเลี้ยงดูความเจ็บปวดดังกล่าวให้สะสมงอกงามไว้ในใจจึงไม่ถูกต้อง  และผิดหลักคำสอนของอิสลามที่อัลกุรอาน บัญญัติให้เราพิจารณาอดีตเพื่อ (พัฒนา)อนาคต คนในอดีตพาความเจ็บปวดฝังไปกับชีวิตของพวกเขาแล้ว  ส่วนคนปัจจุบันทางราชการได้ถือว่าเราเป็นคนเชื้อชาติไทยไปแล้ว

         แต่ผมเห็นว่าแนวคิดนี้ทำให้เกียรติยศแห่งประวัติศาสตร์สูญหาย ผมเสียดาย หากราชการคงเชื้อชาติของผมไว้อย่างเดิมว่าผมมีเชื้อชาติมลายูเหมือนบรรพบุรุษ ผมว่าน่าภาคภูมิใจมากกว่าเป็นไหนๆ และรู้สึกรักประเทศชาติเพิ่มขึ้นอีกเป็นทวีคูณ

          ผมจึงกำหนดวิธีคิดเสียใหม่ว่า ผมมีเชื้อชาติมลายู ศาสนาอิสลาม สัญชาติไทย คนอย่างกลุ่มผมซึ่งเป็นประชากรที่แตกมาจากบรรพบุรุษ แต่เดิมพวกท่านเหล่านั้นก็ปวดร้าวเป็นธรรมดา  ส่วนผมและพวกจะปวดร้าวไปทำไม  เลิกปวดร้าวแล้วพัฒนาตัวเองดีกว่าอนาคตจะได้รุ่งเรือง และภาคภูมิ  ตามแนวทางที่ อัลกุรอานบัญญัติดังที่กล่าว

         ความเจ็บปวดแห่งอดีตนั้นได้หายไปสิ้นเชิงก็ในคนรุ่นผม  เพราะคนรุ่นพ่อยังเหลืออยู่บ้างจึงฟัตวากับลูกๆว่า ห้ามพูดไทย ห้ามเรียนภาษาไทย ห้ามยอมรับว่าเราเป็นไทย และเรียกคนอื่นว่า “สิแย” และเรียกตัวเองว่า “มลายู”  แต่ก็หายความปวดร้าวเกินไปจนคนรุ่นผมพูดภาษามลายูไม่ได้น่าเสียดาย รุ่นพ่อยังพอพูดได้ ผมขอเรียกตัวเองว่า มีเชื้อชาติมลายู แม้ทางราชการจะให้ผมมีเชื้อชาติไทย ก็ขอคัดค้าน เพราะทำให้ประวัติศาสตร์ชนชาติของผมเสียหายโดยไร้เหตุผล

         ความคิดของทางราชการในอดีตก่อนเปลี่ยนการปกครองมาเป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเช่นปัจจุบัน เป็นความคิดที่ทำลายค่าของคน 

         ค่าของผมขอเหลือเพียงแค่คุณค่าแห่งประวัติศาสตร์ที่เก็บไว้เพื่อความภาคภูมิใจเท่านั้น  ความภาคภูมิใจผิดกฎหมายด้วยหรือ ? มิใช่เก็บความภาคภูมิใจนั้นไว้เพื่อชวนกันแบ่งแยกแต่ประการใด 

         คนที่เข้ามาเป็นคนไทยปัจจุบันมิใช่มีอดีตเป็นคนมลายูอย่างเดียว  คนจีน  คนญี่ปุ่น  คนฝรั่ง  คนอาหรับ และอีกหลายเชื้อชาติ  ความคิดแบบผมขอเรียกว่า ความคิดแบบบูรณาการ

        ค่าแห่งความเป็นคนนั้นมีหลายเงื่อนไขผสมกัน เช่น เชื้อชาติ ศาสนา สัญชาติ การศึกษา ตำแหน่งงาน  อาชีพ และอื่นๆอีกสารพัด เมื่อยอมรับซึ่งกันและกันในเงื่อนไขเหล่านั้น  เราจะอยู่ร่วมกันอย่างมี”รัก สามัคคี เอื้อเฟื้อ”นั่นเป็นเงื่อนไขแห่งความมั่นคงทางสังคมอันเป็นเงื่อนไขหนึ่งของความมั่นคงแห่งชาติที่เราต้องช่วยกันรักษาให้ยืนยงตลอดไป  วิธีการให้เกียรติกันวิธีหนึ่งก็คือยอมรับและส่งเสริมในค่าของกันและกัน อย่าดูถูกกัน อย่าหยามเกียรติกัน อย่าทำลายกัน โดยอ้างเงื่อนไขแห่งความแตกต่างกันดังกล่าว เพราะทุกคนมีค่าเท่ากัน

          ผมขอบคุณราชการที่ให้เชื้อชาติไทยแก่ผม แต่ผมก็ยังถือว่าเชื้อชาติเดิมของผมคือมลายู ผมมีความเป็นไทยที่สัญชาติและเป็นคนไทยที่รักประเทศ  ใครคิดรุกรานผมก็ขอต่อสู้ด้วยใจทะนง มิใช่คนไทยเชื้อชาติอื่นๆจะรักประเทศเพียงฝ่ายเดียวแล้วระแวงว่าพวกเขาจะคิดแบ่งแยกแก้แค้นอดีต ไร้ประโยชน์และไร้วิจารณญาณเหลือเกินที่คิดเช่นนั้น

         ความคิดเรื่องเชื้อชาติเป็นความคิดที่สร้างเงื่อนไขแห่งความแตกแยกได้หากคิดไม่เป็นระบบ ดังนั้นเอกสารราชการปัจจุบันบางประเภทได้ยกเลิกช่องแนะนำตัวเองว่าเชื้อชาติใดไปแล้ว เพราะเชื้อชาติเป็นประวัติชีวิตส่วนตัวที่ไม่มีผลทางสิทธิใดเลย เพราะสิทธิอันพึงได้นั้นอยู่ที่การถือสัญชาติ ตามปรากฏในพระราชบัญญัติสัญชาติ  ผมว่ายกเลิกการแนะนำตนด้วยเชื้อชาติให้หมดในทุกประเภทดีกว่า อย่ายั่วยุให้เกิดความรู้สึกแตกต่างและแตกแยกกันเลยครับ

          ความแตกต่างอีกด้านหนึ่งคือศาสนา แน่นอนสิทธิในการนับถือศาสนานั้นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้บัญญัติไว้อย่างชัดเจนว่า เป็นสิทธิบริบูรณ์ ในขณะที่สิทธิอื่นๆไม่มีคำว่าบริบูรณ์ แสดงว่ารัฐจะบังคับพลเมืองให้นับถือศาสนาใดไม่ได้เลย ศักดิ์ศรีทางศาสนาเท่าเทียมกัน รัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุศาสนาใดว่ามีศักดิ์ศรีเหนือกว่าศาสนาอื่น เพราะศาสนาที่คนไทยนับถือไม่ว่าจะศาสนาใดก็ตาม  ต่างก็อุทิศตนพลีชีพต่อสู้ผู้รุกราน เพื่อรักษาอำนาจอธิปไตยของชาติมาทุกยุคสมัย 

          ศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี เป็นค่าอันสูงส่งของคนทุกคน  เพราะศาสนากำหนดหลักปฏิบัติให้ทุกคนเป็นคนดี ด้วยศีลธรรม คุณธรรม  จริยธรรม อันปฏิเสธไม่ได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งศาสนาสอนให้ผู้นับถือมีคุณสมบัติที่กระตุ้นเตือนให้ทุกคนมีใจเสียสละอุทิศตนเพื่อป้องกันประเทศชาติด้วยชีวิต  

         ทรัพย์สินเงินทองมิใช่ค่าของคน แต่ค่าของคนอยู่ที่ “ศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี และความรักประเทศชาติ” 

       เรารักประเทศชาติของเราเพราะเรามีสิทธิครอบครองแผ่นดินไทยตามสิทธิอันพึงมีพึงได้แม้คนส่วนใหญ่จะนับถือศาสนาต่างไปจากเราก็ตาม  ในขณะที่คนนับถือศาสนาเดียวกับเราหรือเชื้อชาติเดียวกับเราอยู่ประเทศอื่น แล้วเราอ้างว่านับถือศาสนาและมีเชื้อชาติเดียวกันเพื่ออ้างเงื่อนไขในการขออาศัยแผ่นดินเขาอยู่  เขาไม่ยอมให้เราอยู่อาศัยหรอก  นอกจากอยู่แบบคนต่างด้าวอาศัยพาสปอร์ต หรือขอเพิ่มสัญชาติให้ตัวเองอีก

          ผมเห็นมีไม่น้อยที่ถือสัญชาติหลายสัญชาติ ผมเห็นด้วยที่คนหนึ่งมีหลายสัญชาติ หรือ คนหนึ่งมีทุกสัญชาติมีอิสระเดินทางไปได้ทุกประเทศ สมกับที่เราตั้งชื่อโลกปัจจุบันว่า “โลกาภิวัตน์” และสอดคล้องกับบทบัญญัติอัลกุรอานที่ระบุว่า”แผ่นดินเป็นของอัลลอฮ์” แผ่นดินส่วนใดจึงมิใช่ของชนชาติใดทั้งสิ้น 

           บรรดาชนชาติทั้งหลายเป็นเพียงผู้บริหารแผ่นดินเท่านั้นภายไต้ตำแหน่งที่อัลกุรอาน ตั้งไว้อย่างให้เกียรติว่า “คอลีฟะตัลฟินอัรฎิ”.