The Alami Report
Home   /   The Alami Report  /   ผ่าอาณาจักรค้ายา


ผ่าอาณาจักรค้ายา "ไซซะนะ-อุสมาน" จากลาวถึงชายแดนใต้

               สำนักข่าวอะลามี่ : ปฏิบัติการ "ชัยยะ สยบไพรี" ที่นำมาสู่การจับกุม "นายไซซะนะ แก้วพิมพา" นักค้ายาเสพติดชาวลาว ซึ่งมีเครือข่ายกว้างไกลลำดับต้นๆ ของอาเซียนนั้น ไม่ใช่เรื่องฟลุคหรือจับโดยบังเอิญ แต่มาจากการแกะรอย และเก็บรวบรวมพยานหลักฐานมานานถึง 5 ปี


              โดยเฉพาะการถอดรหัสการจับกุมคดียาบ้าสำคัญ 4 คดี ซึ่งตำรวจปราบปรามยาเสพติดไม่ได้จับเองโดยตรง แต่ก็ม่ยอมปล่อยผ่าน ได้เชิญพนักงานสอบสวนทั้ง 4 คดีมาให้ข้อมูล ก่อนจะค่อยๆ ไล่เรียงจนพบว่าทุกคดีเชื่อมโยงกับนายไซซะนะ

            "ทีมล่าความจริง" ย้อนรอย 4 คดีดังกล่าว พบว่ามีการจับกุมตั้งแต่ปี 2558 ต่อเนื่องถึง 2559

             คดีที่ 1 วันที่ 16 กันยายน 2558 ตำรวจทางหลวงจับยาบ้า 2 ล้าน 3 แสนเม็ดที่จังหวัดชุมพร สามารถจับกุม นายวิทยา หรือ วิท โสภา ชาวจังหวัดนครพนมได้ และขยายผลออกหมายจับอีก 5 คน โดยหนึ่งในนั้นคือ นางสาวอ้อยทิพย์ ปัญญารักษ์

            คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2559 ตำรวจจับยาบ้า 6 แสน 4 หมื่นเม็ด พร้อมเฮโรอีนอีกจำนวนหนึ่งที่จังหวัดนครราชสีมา จับกุมผู้ต้องหาได้ 5 คน คือ นายกิตติศักดิ์ แก้วนา นายปิยะ เครือหมื่น นายพุทธรักษ์ เพ็งอินทร์ นายวิษณุพงษ์ ดวนลี และนายชัยวัฒน์ ศรีปัญญา

            คดีที่ 3 เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2559 ตำรวจจับยาบ้า 1 ล้านเม็ดที่จังหวัดชุมพร ผู้ต้องหาคือ นายวิวัฒน์ชัย เดชสหโรจนธร นายศักดา อัครศักดิ์ศรี และนายชนระวิทย์ กลิ่นจันทร์

            คดีที่ 4 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2559 ตำรวจจับยาบ้า 1 ล้าน 2 แสนเม็ดที่ด่านสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ผู้ต้องหาคือ นายทรรศพล พลธี กับนายไกรราช สุภาพ จากนั้นขยายผลจับเพิ่มอีก 3 คนที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา คือ นายไพฑูรย์ ทองเสม เป็นพี่เขยนายไกรราช นางสาวเกศญาณัฐฐ์ ธงวาด เป็นภรรยาคนที่ 2 ของนายไพฑูรย์ และนายนิอุสมัน ปะจู

             นายนิอุสมัน ปะจู ที่ถูกจับในคดีที่ 4 เชื่อมโยงกับ นางสาวไรดา จาโก เครือข่ายยาเสพติดภาคใต้ตอนล่าง โดย นางสาวไรดา เป็นภรรยาชอง นายไซนูเด็ง มะ ที่มีเส้นสายโยงใยกับกลุ่มของนายวิวัฒน์ชัย ซึ่งถูกจับในคดีที่ 3 ทำให้เห็นภาพว่าผู้ต้องหาใน 4 คดีนี้ บางส่วนเกี่ยวข้องกัน

จากการถอดรหัส 4 คดี ทำให้ตำรวจออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการอีก 9 ราย เป็นคนไทย 7 ราย ต่างชาติ 2 ราย หนึ่งในนั้นคือ นายไซซะนะ แก้วพิมพา

           19 มกราคม 2560 ตำรวจปราบปรามยาเสพติดเปิดปฏิบัติการ "ชัยยะ สยบไพรี 60/1) สามารถจับกุม นายไซซะนะ ได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยข้อมูลการเดินทางของนายไซซะนะ มาจากการซัดทอดของผู้ต้องหา 4 คดีแรก

           วันเดียวกันนั้น ตำรวจขยายผลปิดล้อมอีก 36 เป้าหมายทั่วประเทศ และจับกุม นายชุมพร พนมไพร อายุ 42 ปี ชาวจังหวัดอุดรธานี) นายปุ่น ชรินทร์ อายุ 53 ปี ชาวจังหวัดสกลนคร) และ นางสาวอ้อยทิพย์ ปัญญารักษ์ อายุ 28 ปี ชาวจังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นผู้ต้องหาร่วมค้ายาเสพติดในคดีที่ 1 ก่อนโยงมาถึงแก๊งไซซะนะ

          นายชุมพร พนมไพร และ นายไกรราช สุภาพ เป็นตัวกลางเชื่อมโยงเครือข่ายนายไซซะนะทั้งหมด โดยเป็นผู้ติดต่อประสานงานกับผู้ค้ายาเสพติด 4 คดีแรก โดยเฉพาะระดับหัวหน้าทีม

           ตำรวจยังไม่หยุดที่ตัวนายไซซะนะ แต่ยังขยายผลทลายเครือข่ายที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยเปิดปฏิบัติการ ชัยยะ สยบไพรี 60/2 เมื่อวันที่ 1 ต่อเนื่องวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ปิดล้อมตรวจค้นอีก 40 เป้าหมายทั่วประเทศ และสามารถจับกุมจิ๊กซอว์ตัวสำคัญอย่าง นายณัฐพล หรือบอย นาคคำ นางสาวอรันญา สิงห์ผงาด และนายชัยวัฒน์ หรือแป๊ะ ชูสาย โดยตำรวจมีข้อมูลว่าเครือข่ายนี้เชื่อมโยงกับคนในแวดวงไฮโซ และคนมีชื่อเสียงในวงการบันเทิง ก่อนจะพบข้อมูลเชื่อมโยงจนตามไปค้นร้าน Area 51 ของ นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง สามีของแพท ณปภา ตันตระกูล ดารานักแสดงชื่อดัง

           สปอตไลท์ฉายจับไปที่ นายเบนซ์ อัครกิตติ์ ในฐานะสามีดาราอย่าง แพท ณปภา โดยเจ้าตัวสร้างความฮือฮาด้วยการหอบหลักฐานเข้าชี้่แจงข้อมูลกับตำรวจเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์

          ประเด็นที่ตำรวจตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวนายเบนซ์ คือ ความสัมพันธ์กับนายบอย ณัฐพล ซึ่งทำหน้าที่ลำเลียงยาเสพติดให้กับนายไซซะนะ และรถลัมโบร์กินี่คันงาม มูลค่าถึง 20 ล้านบาท ซึ่งนายเบนซ์อ้างว่าเป็นของตน

          ข้อมูลที่ยังคงสับสนและไม่ตรงกันก็คือ ตำรวจอ้างคำให้การของนายบอย ณัฐพลว่า มอบหมายให้นายเบนซ์ดูแลทรัพย์สินทั้งหมด และฝากรถลัมโบร์กินีไว้ที่นายเบนซ์ / โดยประวัติของนายบอย เคยถูกตำรวจอายัดทรัพย์เมื่อปี 2553 และเมื่อนายไซซะนะเดินทางมาไทย นายบอยจะนำรถลัมโบร์กินี่ที่ฝากนายเบนซ์ไว้ ขับไปรับนายไซซะนะและพาเที่ยว

           ขณะที่ฝั่งนายเบนซ์ สามีดารา อ้างว่ายืมเงินนายบอย 6 ล้านบาทไปดาวน์รถลัมโบร์กินีมาขับ โดยเป็นการกู้ยืมปากเปล่า ไม่มีหลักประกันใดๆ หนำซ้ำรถหรูคันนี้ยังติดป้ายทะเบียนรถคันอื่น ทำให้ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของนายเบนซ์

          จากกลุ่มบุคคลและเครือข่ายค้ายาที่มีนายไซซะนะเป็นหัวหน้าใหญ่ จะเห็นได้ว่าเขาใช้เส้นทางภาคอีสานของไทยเป็นจุดรับยาจากฝั่งลาว จากนั้นจึงเคลื่อนย้ายเข้าสู่ภาคกลาง และขนลงภาคใต้

         ข้อมูลจากผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พลตำรวจโทสมหมาย กองวิสัยสุข ระบุชัดว่า ยาเสพติดจากเครือข่ายนายไซซะนะ จำนวนหนึ่งจะเคลื่อนลงใต้ โดยมีเครือข่ายค้ายาเสพติดชายแดนใต้รอรับ นั่นก็คือเครือข่ายของ นายอุสมาน สะแลแมง

         นายอุสมาน มีฐานใหญ่อยู่ในจังหวัดนราธิวาส รับยาเสพติดจากลาว ก่อนลำเลียงเข้าพื้นที่เพื่อกระจายยา และส่งข้ามไปมาเลเซีย ยาวไปถึงออสเตรเลีย

         นายอุสมาน เคยถูกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เรียกเข้ารายงานตัวหลังเข้าควบคุมการปกครองใหม่ๆ แต่เขาไม่ปรากฏตัว เชื่อกันว่า นายอุสมาน ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย แต่เครือข่ายของเขาแข็งแกร่งมาก

        เม็ดเงินสะพัดจากการค้ายาเสพติดของนายอุสมาน มีตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ เงินสดๆ เกือบ 10 ล้านบาทที่ซุกอยู่ในรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยึดได้จากบ้านเครือข่ายย่านสะพานสูง กรุงเทพฯ เมื่อปี 2548 โดยที่ไม่รู้ว่าในรถมีเงินซุกอยู่ได้แผงประตู กระทั่งเรื่องมาแดงในปี 2552 จนเป็นที่ฮือฮา

         สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นฐานที่มั่นใหญ่ของเครือข่ายค้ายา นอกจากกลุ่มของนายอุสมานแล้ว ยังมีเครือข่ายของ นายมะยากี ยะโก๊ะ เคลื่อนไหวอยู่ในเขตอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส รับยาเสพติดจากภาคเหนือเพื่อลำเลียงเข้าพื้นที่ ก่อนส่งข้ามไปมาเลเซีย

        นายมะยากีเคยถูกค้นบ้านเมื่อปี 2550 และพบเงินสดๆ 30 ล้านบาทซุกอยู่ในท่อพีวีซี จนเป็นข่าวโด่งดังไปทั้งประเทศ ภายหลังนายมะยากีถูกจับโดยตำรวจปราบปรามยาเสพติดมาเลเซีย ก่อนส่งตัวให้ทางการไทย ทำให้เครือข่ายของนายมะยากีลดอิทธิพลลงไปบ้าง

         ทั้งหมดนี้คือความน่ากลัวของขบวนการค้ายาเสพติดที่สยายปีก แผ่อิทธิพลไปทั่วประเทศ โดยมีเม็ดเงินจำนวนมหาศาลเป็นใบเบิกทาง!


        ที่มา: http://www.now26.tv/view/99412