Education
Home   /   Education  /   ดร.วิทวัส ดิษยะศริน สัตยารักษ์

    เปิดวิสัยทัศน์ "ดร.วิทวัส ดิษยะศริน สัตยารักษ์ " ทายาทรุ่น 4 อธิการบดี ม.หาดใหญ่

        สำนักข่าวอะลามี่: ดร.วิทวัส ดิษยะศริน สัตยารักษ์ ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีคนล่าสุดของมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ เป็นทายาทรุ่นที่ 4 ของตระกูล ดิษยะศริน เป็นตระกูลการศึกษาที่อยู่คู่เมืองหาดใหญ่มายาวนาน

          ในฐานะทายาทธุรกิจการศึกษาก้าวสู่ตำแหน่งผู้นำมหาวิทยาลัย เขายอมรับว่า มีความกดดันอยู่บ้างพอสมควร แต่รับตัวได้เร็วเนื่องจากได้รับการซึมซับและถ่ายทอดจากครอบครัวมาโดยตลอดทำให้รักแลชอบในอาชีพที่เป็นอยู่

          “ผมเติบโตมาจากธุรกิจการศึกษา สังคมมองว่าเราเป็นตระกูลที่ทำเรื่องการศึกษาได้ประสบความสำเร็จ เริ่มต้นจากราว 80 ปีก่อน สมัยคุณทวดจนมาถึงคุณตา ถ้าพูดกันตรงๆตระกูลผมทำโรงเรียนขึ้น หรือเหมาะกับการทำอาชีพเกี่ยวกับการศึกษา ผมจึงอยากต่อยอดและทำให้เติบโตต่อ”

         มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ก่อตั้งสมัยคุณแม่(ประณีต ดิษยะศริน)เมื่อปี40และก้าวสู่มหาวิทยาลัยหาดใหญ่เมื่อปี46 ใช้เวลา 2 ปีเขียนแผนและผ่านการอนุมัติจากสภามหาวิทยาลัย ใช้เงินลงทุนราว 600 ล้านบาท เนื้อที่กว่า 100 ไร่ ปีแรกมีนักศึกษาเพียง 180 คน วันนี้ ม.หาดใหญ่มีนักศักษากว่า5,800 คนเปิดสอน 7 คณะ นอกจากนี้ ยังเปิดสอนระดับริญาโท 3 หลักสูตร และเร็วๆนี้จะเปิดระดับปริญาเอกหลักสูตรบริหารการศึกษา ล่าสุดมีคนสมัครแล้ว 30คน ทั้งที่เรารับได้เพียง 15 คน

          “ผมเข้ามาเป็นรุ่นที่ 4 คิดว่าทำมาจนไม่คิดว่ามันคือธุรกิจ แต่คิดว่าเรากำลังสร้างเยาวชนให้มีโอกาสทางการศึกษามากกว่า จากนี้ไปจะเน้นนโยบายเชิงรุก ชูนโยบายด้านการบริหารกับด้านสังคมไปพร้อมๆกัน” ช่วยชุมชน ช่วยเหลือทางด้านธุรกิจ เรามีศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจชุมชนของเราเอง ขณะนี้เราส่งอาจารย์ 10 กว่าคนไปศึกษาต่อระดับสูง ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนามหาวิทยาลัยต่อไป ดร.วิทวัสชี้ว่า จุดแข็งของมหาวิทยาลัยหาดใหญ่คือ ด้านไอที เทคโนโลยี่ และความเป็นกันเองระหว่างอาจารย์กับนักศึกษา อธิการบดี ม.หาดใหญ่ เผยแนวทางการนำมหาวิทยาลัยสู่มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศว่า เตรียมแผนการปรับและพัฒนาในหลายๆด้าน อาทิ ด้านบุคลากร หลักสูตรการเรียนการสอน ให้ก้าวหน้ากับยุคสมัย

          “ที่ผ่านมาเราใช้เวลาปรับในส่วนนี้เยอะในแต่ละปี ต้องยอมรับว่ายาก เนื่องจากมหาวิทยาลัยหาดใหญ่เจริญเติบโตเร็ว และในปัจจุบันมีการแข่งขันกันสูง มีมหาวิทยาลัยเอกชน หรือของรัฐ เปิดขึ้นหลายแห่งแต่ก็ไม่ยากที่จะทำ” ดังนั้น จึงต้องจัดคุณภาพการศึกษาให้ดีที่สุด เรามีการประกันคุณภาพการศึกษาจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(องค์กรมหาชน)ซึ่งได้ตั้งดัชนีไว้สูง มันทำให้ยากและเป็นการท้าทายไปด้วยในตัว แต่ที่ผ่านมาเราก็ทำได้”

         ส่วนการลงทุนเพิ่มเติมนั้น จะสร้างอาคารอีก 1 หลังใช้งบ 100 ล้านเป็นอาคารคณะบริหารธุรกิจโดยจะเป็นอาคารที่ทันสมัยครบวงจรซึ่งจะเป็นคณะที่สร้างแบรนด์ให้มหาวิทยาลัยโดดเด่นขึ้น………

 ขอบคุณข้อมูล: นสพ.สมิหลาไทม์ http://www.samilatimes.co.th/?p=269