Hot Stories
Home   /   Hot Stories  /   แบรนด์ QueenTiti นวัตกรรมทองคำ สู่ ความงาม

แบรนด์ QueenTiti

นวัตกรรมทองคำ สู่ ความงาม

 

             สำนักข่าวอะลามี่:  แบรนด์ QueenTiti นำนวัตกรรมสูตรลับโบราณ จากทองคำ ผ่านกระบวนการวิทยาศาสตร์ สู่ผลิตภัณฑ์ความงามที่ผ่านการรับรองฮาลาล

            ดร.ชลธรณ์ เยาวพันธุ์กุล ประธานกรรมการ ภูตะวัน อินเตอร์เนชั่ลแนล เทรดดิ่ง จำกัด ( Phutawan international trading Co.,Ltd ) กล่าวถึงธุรกิจในเครือว่า เริ่มจากธุรกิจสินค้าภาคเกษตร เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ส้มโชกุนเบตง ปัจจุบันบริษัทฯได้แตกไลน์ธุรกิจเป็นให้คำปรึกษาในการทำสวนส้มโชกุน จัดจำหน่ายส้มโชกุน โดยรับจากลูกสวน ที่เรามีคอนแทค เน้นการทำตลาดขายส่ง ในนามแบรนด์ “ ภูตะวัน ”

             นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำแร่กระแสเย็น ในแบรนด์ “ ภูตะวัน” และรับผลิตน้ำแร่กระแสเย็นให้กับองค์กรหรือหน่วยงาน ที่ต้องการใช้แบรนด์เป็นของตัวเอง นอกจากนี้ยังดำเนินธุรกิจจัดหาอสังหาริมทรัพย์ ให้กับนายทุน ที่ต้องการลงทุนด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

              และล่าสุดคือ การออกผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ในแบรนด์  QueenTiti by csy หรือที่คุ้นตากันในชื่อ “ QueenTiti"

             สำหรับธุรกิจผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เกิดจากแรงบัลดาลใจที่ส่วนตัวเป็นคนไม่ชอบแต่งหน้า เพราะรู้สึกว่าเสียเวลา ที่สำคัญคือ เป็นคนที่แพ้ง่าย และผิวไวต่อสารเคมี แต่ต้องการมีผิวที่สุขภาพดีและดูไม่แก่ก่อนวัย

              นอกจากนี้มีความคิดที่ต้องการให้มีผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ที่ได้รับการรับรองฮาลาล สำหรับคนมุสลิมได้ใช้ เพราะปัจจุบันผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมีมากมาย แต่เราไม่สามารถที่จะรู้ถึงรายละเอียดได้ว่าส่วนผสมบางตัวที่เป็นความลับของเขาว่า ฮาลาล สำหรับมุสลิมจริงหรือไม่

             “ ผลิตภัณฑ์ของเรา ฮาลาลตั้งแต่วัตถุดิบ ขบวนการผลิต จนถึงขบวนการทางการตลาด คือการตั้งราคาที่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค ปลอดภัยและเป็นธรรมทั้งกลุ่มลูกค้าที่เป็นมุสลิม และกลุ่มลูกค้าต่างศาสนิก เพราะ ฮาลาล คือความปลอดภัยสำหรับทุกชีวิตบนโลกใบนี้ ” ดร.ชลธรณ์ กล่าวและว่า

                นอกจากนี้เราต้องการให้แบรนด์คนไทยเป็นที่รู้จัก และสามารถแข่งขันกับแบรนด์ต่างชาติได้ ทั้งในเรื่องคุณภาพและการเข้าถึงของผู้บริโภค ซึ่งเรามีความปรารถนาส่วนตัวอย่างแรงกล้า ที่ต้องการให้ผลิตภัณฑ์ของมุสลิมเป็นที่รู้จักและยอมรับในระดับนานาชาติ เพราะเราเชื่อว่า การทำธุรกิจก็เป็นการทำงานศาสนาอีกมิติหนึ่ง ซึ่งถือเป็นพันธกิจสำคัญ ที่ต้องทำให้สำเร็จ เพื่อสร้างภาพลักษณ์และมุมมองมุสลิมในมิติใหม่ๆที่สร้างสรรค์ขึ้น

               การทำธุรกิจบนหลักการอิสลาม ด้วยความซื่อสัตย์ ซื่อตรง รู้เท่าทัน และทันสมัยอยู่ตลอดเวลา ดั่งคำขวัญประจำแบรนด์ ที่เราได้ปลูกฝังให้ทุกคนในองค์กร ได้นำไปปฏิบัติ นั่นคือ..QueenTiti คุณภาพ คู่คุณธรรม..

               สำหรับกลุ่มเป้าหมายของเรา คือ ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสภาพผิวให้ดูดีขึ้น โดยที่ไม่ต้องจ่ายแพงและประหยัดเวลา ดังนั้นกลุ่มลูกค้าเราจึงค่อนข้างกว้าง เพราะเรามีทั้งลูกค้าที่เป็นผู้ใช้ และลูกค้าที่เป็นคู่ธุรกิจ (ตัวแทนจำหน่าย)

               ดร.ชลธรณ์ กล่าวถึงผลิตภัณฑ์ QueenTiti ว่า เป็น นวัตกรรมพลังงานทองคำ เป็นเรื่องของศาสตร์ที่ยังไม่เปิดกว้างสำหรับคนส่วนใหญ่ ซึ่งจากประวัติศาสตร์พบว่า ชนชั้นสูงในอดีต ตั้งแต่ยุค คลีโอพัตรา ย้อนไปสู่ยุคของสตรีที่ชาญฉลาดและมีความงามเป็นเลิศ อย่างพระนาง เนอเฟอร์ตีติ หรืออาจก่อนหน้านั้นใช้ทองคำในการดูแลผิวและมีความเชื่อว่า ทองคำ จะทำให้คงความสวยความสาวไว้ได้

             จากความเชื่อในยุคโบราณ เราได้ค้นพบความลับของทองคำ ในการดูแลผิว และทำให้ผิวดูอ่อนกว่าวัยได้จริง ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เป็นที่มาของการนำทองคำในรูปแบบของพลังงาน และของเหลว มาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ดังกล่าว

              “ ผลิตภัณฑ์ของเราแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ในท้องตลาด แต่ไม่ได้ตั้งราคาสูงเพราะเราต้องการคืนสิ่งดีๆ กลับสู่สังคมและแผ่นดินเกิด ตามที่ได้พูดไว้กับ คุณกฤษชน ผู้ที่ไว้วางใจให้สูตรนี้มาโดยไม่คิดมูลค่า ถือเป็นอามานะห์ ที่เราต้องทำและที่สำคัญมันตรงกับอุดมการณ์ของแบรนด์ QueenTiti อีกด้วย ”

            สำหรับช่องทางทางการตลาด  นอกจากจะเน้นขายผ่านระบบออนไลน์ เรายังเน้นการสร้างอาชีพให้กับผู้ที่ต้องการโอกาส ด้วยสินค้าที่มีคุณภาพแต่ราคาไม่แพง เพื่อให้ตัวแทนสามารถทำการตลาดได้ง่าย เรามีจัดโปรโมชั่น ท่องเที่ยวฟรี ไปทำฮัจย์ ทำอุมเราะห์ แจกทอง แจกรถ แจกบ้าน ฟรี แค่สะสมยอดให้ได้ตามเงื่อนไข ซึ่งมีระยะเวลามีตั้งแต่ 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี 2 ปี ไปจนถึง 5 ปี

             “ สำหรับ QueenTiti  เราทำธุรกิจบนพื้นฐานของคุณธรรม จึงเป็นที่มาของ คำว่า “ QueenTiti คุณภาพคุณธรรม ” และการตลาดของเราไม่ได้เน้นยอดขายเพื่อเพิ่มยอดตัวเลขในบัญชีเพียงอย่างเดียว เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของเรานั้นใหญ่กว่าเงิน ดร.ชลธรณ์ กล่าว