Hot Stories
Home   /   Hot Stories  /   RACHEN ATTAMART ผู้บุกเบิก Yannaty Hotel

RACHEN ATTAMART

ผู้บุกเบิก Yannaty Hotel

โรงแรมมาตรฐานฮาลาล ใหญ่สุดในประเทศไทย

“.. Yannaty Hotel โรงแรมมาตรฐานฮาลาล ระดับ 4 ดาว

ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ทำเลทองย่านใจกลางเมืองหาดใหญ่ ..”



              สำนักข่าวอะลามี่ :  นักธุรกิจหนุ่มสงขลา หลังจากสั่งสมประสบการณ์จากการได้ร่วมงานกับสายการบินลำดับต้นๆ ของโลก มาอย่างยาวนาน ในวันนี้กลายเป็นผู้บริหารหนุ่มไฟแรงของโรงแรมมาตรฐานระดับ 4 ดาวหาดใหญ่ ในนาม “โรงแรมญันนะตีย์ Yannaty Hotel” ให้เป็นโรงแรมมาตรฐานฮาลาล ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

              คุณราเชนท์ อาตมาตร หลังจากที่โลดแล่นในสายงานธุรกิจการบินมายาวนาน  วันนี้ได้เข้ามานั่งในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) โรงแรมญันนะตีย์ ”  ( Yannaty Hotel ) ในตัวเมืองหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา  ได้กล่าวถึง แนวคิดและสิ่งที่จุดประกายการเข้ามาบริหารโรงแรมระดับ 4 ดาวในหาดใหญ่ว่า จากประสบการณ์ที่เคยอยู่ในแวดวงสายการบินควบคู่ไปกับการทำธุรกิจจัดการท่องเที่ยวและบริการขายตั๋วเครื่องบินมานานกว่า 20 ปี ก่อนจะลาออกจากสายการบิน และหันมาเปิดธุรกิจร้านอาหารฮาลาลในอำเภอหาดใหญ่ เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาเพิ่มอีกธุรกิจหนึ่งภายใต้ ชื่อ “ เดอะ ฮาลาล พรีเมี่ยม ” ในพื้นที่ โรงแรมซากุระ บัดเจ็ท ถนนสามสิบเมตร

            “ ขณะที่ทำร้านอาหาร ผมก็รับบริการจองห้องพักโรงแรมให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการร้านอาหาร และลูกค้าทั่วไป ซึ่งได้เห็นถึงความต้องการของลูกค้า และสิ่งที่คาดหวังจากลูกค้าที่มาใช้บริการโรงแรม หรือห้องพักในหาดใหญ่ ”

              คุณราเชนท์ กล่าวว่า ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา จึงเกิดความฝันที่จะมีโรงแรมที่สามารถให้บริการนักท่องเที่ยว ที่สนใจการใช้บริการแบบฮาลาลที่ครบวงจร ต่อมาจึงได้เจรจากับ คุณสมชาติ พิมพ์ธนะพูนพร เจ้าของธุรกิจโรงแรมในกลุ่มซากุระ หาดใหญ่ ซึ่งมีความเห็นสอดคล้องในแนวทางและโอกาสของธุรกิจบริการด้านฮาลาล

             “ คุณสมชาติ พิมพ์ธนะพูนพร เป็นผู้มีวิสัยทัศน์ และให้การสนับสนุนการบริการโรงแรมในรูปแบบฮาลาล จึงได้เจรจาเงื่อนไขการเข้ามาบริหาร ในที่สุดก็ตัดสินใจเทคโอเวอร์ โรงแรมซากุระ แกรนด์วิว ย่านถนนนิพัทธ์อุทิศ 3 เปลี่ยนการบริการเป็นโรงแรมฮาลาลเต็มรูปแบบ และเข้ามาบริหารตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา ”  คุณราเชนท์ กล่าว

            อย่างไรก็ตาม การเข้ามาบริหารภายใต้ชื่อใหม่ โรงแรมญันนะตีย์ ” (Yannaty Hotel) ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก เนื่องจากโรงแรมมีความพร้อมในการบริการที่ครบวงจรอยู่แล้ว เพียงแค่มาปรับรูปลักษณ์ใหม่ และรายละเอียดบางอย่าง ให้เหมาะสมกับชื่อ และความตั้งใจที่จะบริหารในรูปแบบ โรงแรมฮาลาลจริงๆ

             สำหรับลูกค้าเก่าที่เคยใช้บริการโรงแรมก็ยังสามารถใช้บริการได้ตามปกติ ไม่มีผลกระทบใดๆ สิ่งที่เพิ่มเติม คือ การสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าที่เป็นมุสลิม ทำให้โรงแรมมีความคึกคักมากยิ่งขึ้น

            สิ่งที่ผู้บริหารหนุ่มท่านนี้คาดหวังเป็นอย่างยิ่ง หลังจากการเข้ามาบริหารโรงแรมแห่งนี้ คือ การพัฒนาทักษะความสามารถสื่อสารทางด้านภาษาของพนักงาน ให้มีความหลากหลาย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย และอินโดนีเซีย ที่จะใช้ภาษาบาฮาซา และ ภาษาอังกฤษเป็นส่วนใหญ่ เพื่อให้ลูกค้าที่มาใช้บริการของโรงแรมจะได้รับความประทับใจทางด้านการบริการจากโรงแรมญันนะตีย์ ในทุกๆ ด้าน

               “โรงแรมญันนะตีย์”  (Yannaty Hotel) บนพื้นที่ขนาด 1 ไร่ จำนวนห้องพัก 230 ห้อง แบ่งเป็น 4 ประเภท ห้องสแตนดาร์ด (Standard), ห้องดีลักซ์ (Deluxe), ห้องคอนเนคติ้ง (Connecting room), และห้องสูท (Suite) สำหรับรองรับลูกค้าวีไอพี  

             นอกจากนี้โรงแรมยังมีความพร้อมในการบริการ “ห้องจัดเลี้ยง และห้องประชุม” จำนวน 5 ห้อง โดยสามารถรองรับได้สูงสุดถึง 800 คน รองลงมาคือ 300 คน, 150 คน และ ห้องเล็กขนาด 30 คน พร้อมลานจอดรถให้บริการ ที่รองรับรถยนต์ได้มากถึง 70 คัน

              โรงแรมญันนะตีย์ ยังมี บริการห้องนวดที่ได้มาตรฐาน : ซายูริ บิดันดารี” ที่รองรับได้ถึง 120 เตียง ซึ่งเดิมห้องนวดของเราก็เป็นที่ยอมรับอยู่แล้ว เราจะพัฒนาให้เป็น “นวดสปา แบบฮาลาล” ที่แบ่งพื้นที่นวดชาย-หญิง ออกจากกัน ลูกค้าที่มาใช้บริการก็จะมีทั้งแบบเป็นครอบครัวในห้องที่มิดชิด และบุคคลทั่วไป ที่ต้องการผ่อนคลายด้วยการนวดสมุนไพร เป็นห้องที่มีมาตรฐานและให้บริการครบวงจรที่ใหญ่ที่สุด

             สำหรับ “ห้องอาหารฟิรเดาซ์”  บริเวณห้องโถงชั้นล่างของโรงแรม มีเมนูหลากหลาย ทั้งอาหรับ มาเลเซีย ไทย จีน เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว และลูกค้าที่ต้องการจัดงานสังสรรค์ พร้อมบริการเวทีและเครื่องเสียง พร้อมเปิดบริการเต็มรูปแบบ ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม 2562 เป็นต้นไป

              เมนูแนะนำของ “ห้องอาหารฟิรเดาซ์” เป็นเมนูที่ใช้วัตถุดิบชั้นดี ที่หาทานได้ยาก อาทิ ปูอลาสก้า, กุ้งมังกร  หรือ อื่นๆ ที่หาทานที่ไหนไม่ได้ สามารถมาลิ้มลองได้ที่ห้องอาหารฟิรเดาซ์

             เสน่ห์อีกอย่างหนึ่ง  คือ คุณราเชนท์ เป็นคนที่ชื่นชอบการทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจ ที่ผ่านมา บ่อยครั้งที่ทางโรงแรมได้ต้อนรับลูกค้าวีไอพี คุณราเชนท์ ก็มักจะลงมือเข้าครัวด้วยตนเอง เพื่อให้ลูกค้าได้ชิมฝีมือการทำอาหารของผู้บริหารหนุ่มท่านนี้  คุณราเชนท์ได้บอกว่า “คราใดที่ลูกค้าวีไอพีมาเยือน หากไม่ลงมือทำอาหารเอง เหมือนกับว่า....เรายังต้อนรับได้ไม่ดีพอ ”



            นอกจากนี้ทาง โรงแรม ญันนะตีย์  ยังให้บริการซัก-รีด มีเครื่องซักผ้าขนาดใหญ่ได้มาตรฐาน ให้บริการ ซัก อบ รีด ครบวงจร ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าที่บุคคลทั่วไป องค์กร และโรงแรมขนาดใหญ่มาใช้บริการซักรีดของโรงแรมญันนะตีย์

             ขณะที่ คุณสมชาติ พิมพ์ธนะพูนพร เจ้าของโรงแรมกลุ่มซากุระ (เจ้าของเดิม)  เปิดเผยว่า โรงแรมซากุระแกรนด์วิว  เริ่มก่อสร้างเมื่อประมาณปี 2540 บนพื้นที่ 1ไร่ จำนวน 230 ห้อง ห้องพักและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่มีไว้ให้บริการลูกค้าก็ถูกออกแบบไว้อย่างครบครันทันสมัย และรักษาอัตลักษณ์ความเป็นโรงแรม ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้การบริหารของ คุณราเชนท์  เปลี่ยนชื่อใหม่มาเป็น โรงแรมญันนะตีย์ ”


            “ แม้ว่าอายุของโรงแรมร่วม 20 ปี แต่สภาพห้องพัก ถือว่ายังดีมาก เพราะเราดูแลรักษาและปรับปรุงตลอดเวลา ด้วยเงินลงทุนในขณะนั้นเฉพาะงานก่อสร้างใช้งบก่อสร้าง 360 ล้านบาท ”

            ในฐานะอดีตนายกสมาคมธุรกิจโรงแรมหาดใหญ่-สงขลา คุณสมชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันห้องพักในหาดใหญ่ มีประมาณ 12,000 ห้อง แต่รูปแบบการบริการแบบฮาลาล ยังมีไม่เพียงพอ และคาดว่า ความต้องการของนักท่องเที่ยวในรูปแบบฮาลาลจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

              คุณราเชนท์ ผู้บริหารโรงแรมญันนะตีย์ ยอมรับว่า แม้ว่าจะเป็นนักลงทุนหน้าใหม่ในวงการโรงแรมหาดใหญ่ แต่ด้วยประสบการณ์ ที่อยู่ในแวดวงการท่องเที่ยวมองว่า จุดแข็งของโรงแรมญันนะตีย์ คือ เป็นโรงแรมฮาลาล ที่บริการฮาลาลเต็มรูปแบบ อีกทั้งทำเลที่ตั้งของโรงแรมอยู่ใจกลางเมืองหาดใหญ่

            และที่สำคัญเรายังได้รับการสนับสนุนจาก คุณสมชาติ พิมพ์ธนะพูนพร ในฐานะเจ้าของโรงแรมกลุ่มซากุระ และอดีต นายกสมาคมธุรกิจโรงแรมหาดใหญ่-สงขลา มาเป็นพี่เลี้ยง และที่ปรึกษา อีกด้วย

            คุณราเชนท์ มองโอกาสธุรกิจว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวที่เข้ามาหาดใหญ่ กลุ่มหลักๆ คือ นักท่องเที่ยวจากมาเลเซียและอินโดนีเซีย ที่เข้ามาท่องเที่ยวจับจ่ายใช้สอย นอกจากจะได้รับประทานอาหารที่ฮาลาล ส่วนใหญ่ก็ต้องการบริการในรูปแบบฮาลาลด้วยเช่นกัน  ซึ่งโรงแรมของเรามีความพร้อมในการให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ ทุกห้องพักเราติดตั้งทิศกิบลัต สำหรับพี่น้องมุสลิมในการปฏิบัติศาสนกิจ และบริการผ้าปูละหมาดทุกห้อง พร้อมกับจัดห้องละหมาดไว้สำหรับบุคคลทั่วไปให้บริการในโรงแรมอีกด้วย

             อย่างไรก็ตาม โรงแรมยังเน้นลูกค้าที่มาใช้บริการห้องพัก แต่รายได้อีกส่วนหนึ่งมาจากการจัดประชุม สัมมนา และงานเลี้ยง ซึ่งเรามีห้องประชุมที่มีความพร้อมสำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม

              คุณราเชนท์ ยังมองที่โอกาสและการขยายตลาดท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่มประเทศอินเดีย และกลุ่มตะวันออกกลาง จะเห็นได้ว่าปัจจุบันมีเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น  อีกทั้งตนเองก็มีประสบการณ์การร่วมงานกับกลุ่มตะวันออกกลางมายาวนานพอสมควร เรากำลังมองช่องทางการเปิดตลาดการท่องเที่ยวอินเดีย และตะวันออกกลาง เพื่อดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ มาพักที่โรงแรมญันนะตีย์



               ปัจจุบัน คุณราเชนท์ ยังมีธุรกิจส่วนตัวที่เป็นธุรกิจสนับสนุนธุรกิจโรงแรม อาทิเช่น  บริษัท AEC Inter Business Center Co.,Ltd. ให้บริการด้านการท่องเที่ยว จำหน่ายตั๋วเครื่องบิน และรถเช่า, บริษัท Halal Corporation Co.,Ltd. เป็นธุรกิจด้านอาหาร Food & Catering (เดอะ ฮาลาล พรีเมี่ยม) และ บริษัท Halal United Co.,Ltd. เป็นธุรกิจโรงแรม

            โดยทั้งหมดจะเป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องและเกื้อหนุนกันทั้งสิ้น จึงทำให้การเข้ามาบริหารโรงแรมญันนะตีย์ แม้ว่าจะเป็นมือใหม่ในวงการโรงแรม แต่ก็ไม่ใหม่ซะทีเดียวในวงการธุรกิจท่องเที่ยว

             “การทำธุรกิจโรงแรม โดยเฉพาะในรูปแบบฮาลาล มีรายละเอียดในการปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นห้องพัก ห้องอาหาร โดยเฉพาะพนักงาน จะต้องมีพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับเรื่องฮาลาล เพราะพนักงานของเรามีทั้งมุสลิมและไม่ใช่มุสลิม  แต่ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะปฏิบัติศาสนกิจของตัวเอง บนพื้นฐานการให้เกียรติซึ่งกันและกัน..”  คุณราเชนท์ กล่าว.

หมายเหตุ: ตีพิมพ์ครั้งแรก นิตยสาร ดิ อะลามี่ ฉบับเมษายน 2562