Hot Stories
Home   /   Hot Stories  /   3กระทรวงผนึกเร่งกู้-ฟื้นฟูศก.นำร่องนิคมอุตฯบางปะอินต้นแบบ

 3 กระทรวงรวมพลังเร่งกู้-ฟื้นฟูเศรษฐกิจ นำร่องนิคมอุตสาหกรรมบางปะอินต้นแบบ

              สำนักข่าวอะลามี่ : ก.แรงงาน-สาธารณสุข-อุตสาหกรรม รวมพลังกอบกู้ ฟื้นฟู เศรษฐกิจ จัด Big Cleaning Day นำร่องคืนพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีทุกภาคส่วนกว่า 3,000 คน ทำความสะอาดชุมชนและพื้นที่ในสถานประกอบกิจการ หวังสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการและนักลงทุน พบนายจ้าง ส่วนใหญ่ยังคงรักษาสภาพการจ้าง และจ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้างในช่วงวิกฤต

             ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมเอวันที่ 21 พฤศจิกายน 2554/10.00 น. ณ บริเวณหน้านิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายเผดิมชัย  สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดโครงการ รวมพลังคืนพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ร่วมกับ นายวิทยา  บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสุภาพ  คลี่ขจาย ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม นางมณฑา  ประณุทนรพาล ผู้ว่าการการนิคมแห่งประเทศไทย นายปลิว  ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ช การช่าง และนายวิทยา  ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

            โดย นายวิทยา กล่าวรายงานว่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้จัดทำแผนฟื้นฟูจังหวัดและนิคมอุตสาหกรรมมาอย่างต่อเนื่องจนถึงวันนี้สามารถกู้นิคมอุตสาหกรรมได้ถึงร้อยละกว่า 80 ที่พร้อมจะเปิดทำการได้ประมาณต้นเดือนธันวาคม ส่วนที่เหลือจะเปิดได้ไม่เกินวันที่ 16 ธันวาคม 2554

             นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า การจัดกิจกรรมดังกล่าวเป็นความร่วมมือของกระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม การนิคมแห่งประเทศไทย และหน่วยงาน  ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผนึกกำลังกันฟื้นฟูสถานประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ภายหลังน้ำท่วม ภายใต้กิจกรรมทำความสะอาดครั้งใหญ่ มีผู้เข้าร่วมดำเนินการกว่า 3,000 คน ร่วมกับผู้มีจิตอาสาและประชาชนในพื้นที่ ทำความสะอาด ฟื้นฟูชุมชน และพื้นที่สถานประกอบกิจการในนิคมฯ

               สำหรับในส่วนของกระทรวงแรงงานได้ให้บริการประชาชนที่ได้รับผลกระทบในทุกพื้นที่ของประเทศ ผ่านโครงการกระทรวงแรงงานรวมใจช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม เป็นการช่วยเพิ่มช่องทางให้ประชาชน ผู้ใช้แรงงาน นายจ้าง และผู้ประกอบการได้เข้าถึงบริการด้านแรงงานได้อย่างทั่วถึง รวดเร็ว ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต ความมั่นคงในการทำงาน และมีทางเลือกในการประกอบอาชีพให้มีรายได้อย่างเหมาะสม

             "การจัดกิจกรรมครั้งนี้ นับเป็นนิมิตหมายที่ดีที่จะทำให้นิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเปิดทำการได้เร็วกว่าเป้าหมายที่วางไว้ พร้อมกันนี้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันทำความสะอาดนิคม และจากการตรวจเยี่ยมโรงงานบางแห่งทราบว่าสามารถมีความพร้อมที่จะเปิดทำการได้ราวสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้"นายเผดิมชัย กล่าว

             ด้าน นายวิทยา  บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การกู้และฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและปทุมธานี ที่ถูกน้ำท่วม 7 แห่ง ได้แก่ สหรัตนนคร โรจนะ บ้านหว้า(ไฮเทค) บางปะอิน แฟคตอรี่แลนด์ นวนคร และบางกระดี ให้กลับมาดำเนินการได้เหมือนเดิมอย่างเร่งด่วน ตามนโยบายรัฐบาลครั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้มอบให้กรมควบคุมโรคและกรมอนามัยร่วมมือกับกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตรวจสอบและเฝ้าระวังคุณภาพน้ำก่อนสูบออกนอกนิคมอุตสาหกรรม และเฝ้าระวังประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพของชุมชนรอบๆ เพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่ประชาชนสูงสุด

               โดย เป้าหมายหลัก คือ ตรวจการปนเปื้อนเชื้อโรคและสารเคมี หากผลตรวจพบว่ามีการปนเปื้อนสารเคมีหรือโลหะหนักเกินมาตรฐานเป็นอันตรายจะต้องหยุดสูบออก และทำการบำบัดน้ำให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานจนไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเริ่มดำเนินการในนิคมอุตสาหกรรม 4 แห่ง คือ โรจนะ ไฮเทค บางปะอิน และ นวนคร ตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2554 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตามหากผลการตรวจพบว่าคุณภาพน้ำในชุมชนมีค่าผิดปกติ จะทำการเฝ้าระวังสุขภาพประชาชนที่พักอาศัยบริเวณชุมชนใกล้เคียง เพื่อตรวจคัดกรองการสัมผัสสารเคมีที่ปนเปื้อนในน้ำ ขณะนี้ยังไม่พบปัญหาใดๆ

             นาย ไสว  ปัญญาโรจน์สูง หัวหน้างาน บ.ไทยโฟเกสการ์เม้นท์ ผลิตชุดชั้นในส่งออก กล่าวว่า บริษัทถูกน้ำท่วม เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2554 มีพนักงานประมาณ 1,000 คน ส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน เดือนแรกได้รับค่าจ้างจากนายจ้าง 100% และต่อมาบริษัทยังคงจ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้าง 75% ของค่าจ้างปกติ พนักงานทุกคนจะได้รับทราบข่าวสารความเคลื่อนไหวทางโทรศัพท์และข้อความสั้นผ่านหัวหน้างาน จึงไม่มีความกังวลในเรื่องการถูกเลิกจ้าง การจัดทำโครงการลักษณะนี้นอกจากจะทำให้พนักงานเกิดขวัญและกำลังใจแล้วยังส่งผลถึงการสร้างความเชื่อมั่นแก่      นักลงทุนต่างชาติให้กลับมามีความมั่นใจที่จะลงทุนในประเทศไทยต่อไป

              ขณะที่  มณฑิรา  กาญจโน พนักงานฝ่ายผลิต บริษัท APCB ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ กล่าวว่า บริษัทถูกน้ำท่วม        เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2554 มีพนักงานประมาณ 900 คน เบื้องต้นบริษัทยังจ่ายค่าจ้างให้ 75% ของค่าจ้างปกติ พนักงานจะได้รับข่าวสารความเคลื่อนไหวทางโทรศัพท์และข้อความสั้นผ่านหัวหน้างาน ล่าสุดบริษัทฯ แจ้งว่าจะเริ่มทำการได้ในวันที่ 1 มกราคม 2554 นี้ และขอเชิญชวนให้พนักงานทุกบริษัทและทุกเขตอุตสาหกรรมร่วมกันกอบกู้และฟื้นฟูให้เหตุการณ์กลับมาเป็นปกติโดยเร็ว เพื่อให้ทุกคนได้กลับมามีงานทำ มีอาชีพ และสร้างความเชื่อมั่นแก่ชาวต่างประเทศ

             ด้าน พิชัย  ร่มขาว ฝ่าย HR แรงงานสัมพันธ์ บริษัท NOK ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ กล่าวว่า เนื่องจากวันนี้เป็น     วันแรกที่เข้าทำการและยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเปิดทำการได้เป็นปกติเมื่อใด คงจะต้องรอการประเมินความเสียหายทั้งในเรื่องสถานที่และเครื่องจักรจากผู้บริหารก่อน เบื้องต้นลูกจ้างทุกคนยังได้รับค่าจ้างตามปกติและส่วนใหญ่จะกลับไปอยู่ตามต่างจังหวัด โดยพนักงานทุกคนจะมีเบอร์โทรศัพท์ของหัวหน้างานเพื่อจะได้มีการติดต่อข้อมูลข่าวสารถึงกัน 

              ทั้งนี้ ภายในงานดังกล่าวยังได้มีการส่งมอบยาและเวชภัณฑ์ รวมทั้งอุปกรณ์ทำความสะอาด เช่น ถุงมือยาง รองเท้าบู๊ท หน้ากากอนามัย ให้แก่ผู้ประกอบการ การเร่งฟื้นฟูครั้งนี้นอกจากจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศแล้วยังเป็นการช่วยกลุ่มแรงงานให้มีงานทำ ช่วยฟื้นฟูด้านสุขภาพจิต สร้างคุณภาพชีวิตของประชาชนและแรงงานในระยะยาว

หมายเหตุ: ภาพจากอินเตอร์เน็ต