Hot Stories
Home   /   Hot Stories  /   เปิดสิทธิ์"รถคันแรก"ต้องทำสัญญาซื้อขาย16 ก.ย.54-31 ธ.ค.55

         เปิดสิทธิ์"รถคันแรก"ต้องทำสัญญาซื้อขาย16 ก.ย.54-31 ธ.ค.55

            สำนักข่าวอะลามี่ : เปิดสิทธิ์"รถคันแรก"ต้องทำสัญญาซื้อขาย16 ก.ย.54-31 ธ.ค.55 ราคาขายปลีกไม่เกินคันละ 1 ล้าน ปล่อยผีคนซื้อรถก่อนปี 49เหตุไม่มีฐานข้อมูลตรวจสอบ

          นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (13 ก.ย.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบมาตรการคืนภาษีสรรพสามิตรถยนต์คันแรกไม่เกิน 1 แสนบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยกำหนดให้ผู้ซื้อรถยนต์ต้องทำสัญญาซื้อขายรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2554-31 ธ.ค. 2555 เร็วขึ้นจากเดิมที่จะกำหนดให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2554 เป็นต้นไป ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าจะมีผู้ซื้อรถยนต์คันแรกประมาณ 5 แสนคัน

            ทั้งนี้ มั่นใจว่าการคืนเงินภาษีสรรพสามิตครั้งนี้จะมีผลที่ดีต่อระบบเศรษฐกิจแน่นอน เนื่องจากรัฐบาลสามารถจัดเก็บภาษีทุกประเภท ทั้งภาษีรถยนต์ ภาษีเงินได้นิติบุคคล รวมถึงภาษีมูลค่าเพิ่มได้มากกว่าเงินที่ต้องคืนภาษีรถคันแรกให้ผู้ซื้อรถ ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินงบประมาณ 3 หมื่นล้านบาท โดยตั้งเป็นงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2556
 "กรมสรรพสามิตจะคืนเงินในรูปแบบของเช็คเงินสดครั้งเดียวเต็มจำนวนเช่นเดียวกับเช็คช่วยชาติของรัฐบาลชุดก่อน ซึ่งจะเริ่มคืนให้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2555 เป็นต้นไป"


ตีกรอบเฉพาะรถยนต์ที่ผลิตในประเทศ

          สำหรับหลักเกณฑ์การคืนเงินสำหรับรถยนต์คันแรกที่สำคัญดังนี้ คือ ต้องเป็นรถยนต์คันแรกที่ทำสัญญาซื้อขายระหว่างวันที่ 16 ก.ย. 2554-31 ธ.ค. 2555 ราคาขายปลีกไม่เกินคันละ 1 ล้านบาท เป็นรถยนต์นั่งขนาดความจุกระบอกสูบไม่เกิน 1,500 ลูกบาศก์เซนติเมตร รถยนต์กระบะ หรือปิกอัพ และรถยนต์นั่งกึ่งบรรทุกหรือดับเบิลแคป ที่สำคัญ ต้องเป็นรถยนต์ที่ผลิตขึ้นในประเทศ ไม่รวมถึงรถยนต์ที่ประกอบจากชิ้นส่วนนำเข้าใช้แล้วจากต่างประเทศหรือรถยนต์จดประกอบ

           ขณะที่การคืนเงินเท่ากับค่าภาษีตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินคันละ 1 แสนบาท ผู้ซื้อต้องมีอายุ 21 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปและต้องครอบครองรถยนต์ไม่น้อยกว่า 5 ปี โดยกรมสรรพสามิตจะคืนเงินให้เมื่อครอบครองรถยนต์ 1 ปี ไปแล้ว โดยดูรายละเอียดทั้งหมดได้ที่ WWW.EXCISE.GO.TH

รับไม่มีทางป้องกัน "สวมสิทธิ"

            นายบุญทรง กล่าวว่า ผู้ใช้สิทธิขอคืนภาษีรถคันแรกไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือโอนเปลี่ยนมือภายใน 5 ปีแรก หากผู้ใช้สิทธิไม่ดำเนินการตามโดยไม่มีความสามารถในการผ่อนชำระต่อ หรือมีเหตุอย่างอื่น จำเป็นต้องคืนเงินภาษีที่ได้รับให้กับกรมสรรพสามิต หากไม่ดำเนินการตามอาจต้องใช้วิธีการทางศาลเพื่อให้สั่งให้คืนทะเบียนรถยนต์ เพราะกรมการขนส่งทางบกจะสลักไว้หลังเล่มทะเบียนรถยนต์อยู่แล้วว่าห้ามโอนเปลี่ยนมือภายใน 5 ปี

           "ยอมรับว่าในปัจจุบันยังไม่ได้หาแนวทางการป้องกันการสวมสิทธิ แต่ก็ขอร้องผู้มีเจตนาไม่บริสุทธิ์หรือผู้ที่มาซื้อแทนบุคคลอื่นเพื่อสวมสิทธิต้องขอความกรุณาให้เห็นใจคนที่ยังไม่เคยมีรถยนต์เป็นของตัวเองด้วย" นายบุญทรงกล่าว

คนซื้อรถก่อน 49โชคดีอาจได้สิทธิด้วยเหตุไม่มีฐานข้อมูล

           นายเทียนโชติ จงพีร์เพียร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กล่าวว่า กรมขนส่งทางบกเตรียมเชื่อมโยงฐานข้อมูลรายชื่อการยื่นขอจดทะเบียนการครอบครองรถยนต์ไปยังกรมสรรพสามิต เพื่อนำไปใช้ในการตรวจสอบว่าผู้ที่ยื่นขอใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเคยเป็นเจ้าของรถยนต์มาก่อนหรือไม่ หากตรวจพบว่ามีรายชื่อเคยยื่นขอจดทะเบียนกับกรมมาก่อนก็จะถูกตัดสิทธิ เนื่องจากโครงการรถยนต์คนแรกต้องการช่วยเหลือประชาชนสามารถมีรถยนต์คันแรกเท่านั้น 

           อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบฐานข้อมูลการครอบครองรถยนต์คันแรกนั้น จะสมบูรณ์ 100% สำหรับข้อมูลที่ยื่นจดทะเบียนตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน แต่ข้อมูลก่อนปี 2549 อาจไม่ครบสมบูรณ์ โดยเฉพาะข้อมูลการจดทะเบียนในต่างจังหวัด เพราะช่วงเวลานั้น กรมยังไม่ได้เชื่อมฐานข้อมูลออนไลน์ทั่วประเทศ

             "กรมขนส่งทางบกได้แจ้งให้รัฐบาลรับทราบปัญหาแล้ว กรมสรรพสามิตจะต้องไปหาทางแก้ไขปัญหาต่อไป หรืออาจต้องยกประโยชน์ให้จำเลยที่เคยยื่นจดทะเบียนซื้อรถยนต์แล้วก่อนปี 2549 สามารถใช้สิทธิขอลดหย่อนภาษีได้" นายเทียนโชติกล่าว

               ส่วน การป้องกันเปลี่ยนมือรถยนต์ภายใน 5 ปี ว่า จะประทับตราห้ามซื้อขายลงในสมุดทะเบียน หลังจากที่ผู้ซื้อนำสมุดทะเบียนที่กรมออกให้ไปยื่นขอตรวจสอบและใช้สิทธิที่กรมสรรพสามิต

 ที่มา: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์