สำนักข่าวอะลามี่ : คณะกรรมการกลางอิสลามฯ จับมือหน่วยออกหนังสือรับรองตราฮาลาลทั่วโลก จาก 58 องค์กร 48 ประเทศ ทำข้อตกลงรับรองมาตรฐานซึ่งกันและกัน ช่วยลดขั้นตอนตรวจสอบซ้ำในประเทศปลายทาง “สหรัฐ” ชี้เศรษฐกิจฮาลาลมีโอกาสเติบโตสูงแนะธุรกิขอตราฮาลาลเสริมแกร่งขีดแข่งขัน
เศรษฐกิจฮาลาล คือพรมแดนทางการค้าใหม่ที่มีศักยภาพ ตามข้อมูลจากสหประชาชาติเผยสถิติประชากรโลกปี 2567 มี 8,119 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นชาวมุสลิม 1,907 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วน 23.5% ของประชากรโลก และคาดการณ์ว่าในปี 2593 ชาวมุสลิมจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,761 ล้านคน และคิดเป็นสัดส่วน29.7% ของประชากรโลก
ขณะที่ ข้อมูลจากสถาบันวิจัยด้านเศรษฐกิจโลกอิสลาม Salaam Gateway ประเมินตลาดสินค้าฮาลของโลก ในปี 2567 มีมูลค่า 2.35 ล้านล้านดอลลาร์ โดยมีกลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่มมีมูลค่าสูงสุด 1.38 ล้านล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วน 58.7% ของตลาดฮาลาลโลก รองลงมา คือ สินค้าแฟชั่น 13.2% สื่อและสันทนาการ 11.5% การท่องเที่ยว 8.9% ยา 4.5% และเครื่องสำอาง 3.2%
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า ปี 2570 ตลาดสินค้าฮาลาลจะมีมูลค่า 3.10 ล้านล้านดอลาร์ ขยายตัวเฉลี่ย 9.7% ต่อปี โดยสินค้าอาหารและเครื่องดื่มฮาลาล มีมูลค่า 1.89 ล้านล้านดอลลาร์ หรือขยายตัวเฉลี่ย 11.0% ต่อปี
จากมูลค่าการค้ามหาศาลทั่วโลกพบว่าประเทศไทย มีบทบาทร่วมในเศรษฐกิจฮาลาลนี้ ข้อมูลจากกระทรวงพาณิิชย์ระบุว่า ปี 2567 การส่งออกสินค้าอาหารจากไทยไปยังตลาด กลุ่มประเทศองค์การความร่วมมืออิสลาม (Organisation of Islamic Cooperation: OIC) มีมูลค่า 7,131.3 ล้านดอลลาร์ หรือราว 252,164 ล้านบาท มีอัตรา เติบโตกว่า 6.3%
ทั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างโอกาสและต่อยอดศักยภาพของไทยในเวทีเศรษฐกิจฮาลาลทั่วโลก คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย (The Central Islamic Council of Thailand (CICOT)) กิจกรรมMutual Recognition Agreement[MRA] Signing Ceremony between Foreign Halal Certification Bodies (FHCBs) and CICOT
ว่าที่ร้อยตรี เนติพล สกุลชาห์ รองเลขาธิการ คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย กล่าวว่า องค์กรที่ออกใบรับรองฮาลาลทั่วโลกกว่า 58 องค์กร จาก 48-50 ประเทศได้ร่วมลงนามกับคณะกรรมการกลางอิสลามฯ เพื่อยอมรับใบรับรองฮาลาลซึ่งกันและกัน เพื่อให้การตรวจสอบทั้งการนำเข้าและส่งออกสินค้ารวดเร็ว สามารถลดขั้นตอนการตรวจสอบซ้ำที่ปลายทางได้ ซึ่งจะเป็นบทบาทหนึ่งที่จะส่งเสริมให้ไทยเพิ่มศักยภาพการเป็นครัวโลก ในบริบทขีดความสามารถการส่งออกสินค้าฮาลาลได้อีกด้วย
“การจัดการมีขึ้นในวันที่ 22 ก.ย. 2568 ซึ่งเป็นช่วงเวลาตรงกลางระหว่างการจัดงานฮาลาลที่มาเลเซียที่มีขึ้นหนึ่งวันก่อนหน้านี้ และการจัดงานในรูปแบบเดียวกันที่สิงคโปร์ในวันถัดจากไทยการเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมจะช่วยความสะดวกการเดินทางของนักธุรกิจฮาลาลในการนับไทยอยู่ในปฎิทินการค้าไว้ด้วย”
สำหรับหน่วยงานที่ออกหนังสือรับรองฮาลาลที่มาลงนาม MRA ในครั้งนี้ได้ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานโดยละเอียดแล้วสามารถรับรองตราฮาลาลซึ่งกันและกันกับไทยได้ ขณะเดียวกันตราฮาลาลของไทยก็จะได้รับการยอมรับในประเทศปลายทางด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ MRA ฉบับที่ลงนามกันนี้จะมีอายุ 3 ปี หากหมดกำหนดเวลาแล้วจะมีการตรวจสอบมาตรฐานก่อนลงนามต่ออายุอีกครั้งในโอกาสต่อไป ซึ่งเป็นไปตามหลักการของการออกหนังสือรับรองฮาลาล ที่จะมีกำหนดเวลาตรวจสอบซ้ำเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการปฎิบัติการที่ผิดไปจากมาตรฐานที่ได้รับรองไว้ เพราะ เครื่องหมายฮาลาล เป็นข้ออนุญาตตามหลักศาสนาอิสลามให้มุสลิมสามารถอุปโภคและบริโภคได้ จึงจำเป็นต้องเข้มงวดเพื่อกำกับดูแลให้ได้มาตรฐานอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ตามหลักการตรวจฮาลาลนั้น ไม่เพียงแค่ต้องไม่มีส่วนประกอบ หรือส่วนผสมของสิ่งต้องห้าม เช่น ผลิตภัณฑ์จากสุกรเท่านั้น แต่ยังต้องมีเรื่องของความสะอาด ปลอดภัย ควบคู่กันไปด้วย
ปูทางจัดงาน Grand Halal Bangkok 2026
นายนิคม เลิศมัลลิกาพร รองประธานคณะกรรมการจัดงาน Grand Halal Bangkok 2026 กล่าวว่า คณะกรรมการกลางอิสลามฯเป็นผู้ออกใบรับรองเครื่องหมายฮาลาลแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ได้เล็งเห็นผลของโอกาสเศรษฐกิจฮาลาลที่จะเติบโตและมีปริมาณการค้าขายกันไปมา รวมถึงการนำเข้าและส่งออกที่จะเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก ดังนั้น การลงนาม MRA จะช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้าและสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งจะปูททางไปสู่การจัดงาน Grand Halal Bangkok 2026 : The Future Of Global Halal Economy ที่เป็นโอกาสให้ไทยสามารถขยายโอกาสทางการค้าหรือแม้แต่การลงทุนในเศรษฐกิจใหม่ๆ ได้มากขึ้น
นายอับดุลย์ การ์นี จามาล ผู้อำนวยการฝ่ายกำกับดูแล องค์พันธมิตรมาตรฐานฮาลาลแห่งสหรัฐ (Halal Food Standards Alliance of America :HFSAA.ORG) กล่าวว่า การลงนามครั้งนี้เป็นความร่วมมือที่จะเริ่มต้นนไปสู่การอำนวยความสะดวกทางการค้าทั้งการส่งออกจากไทยไปสหรัฐ หรือ สหรัฐ มาไทย
ปัจจุบัน บริษัทเอกชนต่างมาขอเครื่องหมายฮาลาลเพื่อนำไปประกอบการส่งออกสินค้าไปยังประเทศมุสลิมเช่น มาเลเซีย หรือกล่มอ่าวอาหรับ ที่จะส่งออกสินค้ามาไทยและจากไทยไปสหรัฐ ส่วนลูกค้าที่สหรัฐ คือต้องการส่งออกไปยัง มาเลเซีย กล่มอ่าวอาหรับ (ความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ The Cooperation Council for the Arab States of the Gulf (Gulf Cooperation Council: GCC) รวมถึงไทยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสินค้าอาหารประเภทผลิตภัณฑ์นม ส่วนเนื้อสัตว์ ยังไม่มีมายังไทยแต่จะขอเพื่อส่งออกไปยังประเทศมุสลิมโดยเฉพาะมากกว่า
ส่วนผลจากภาษีทรัมป์ เบื้องต้นประเมินว่าจะทำให้การส่งออกสินค้าของสหรัฐดีขึ้นแต่ยังไม่ได้ประเมินว่าจะมีผลต่อการส่งออกสินค้าฮาลาลหรือไม่ ขณะที่การนำเข้ายอมรับว่าต้องเผชิญกับภาษีที่สูงขึ้นซึ่งเป็นเรื่องที่ทั้งผู้ซื้อละผู้ขายต้องเจรจาหาข้อสรุปที่ดีที่สุดร่วมกันต่อไป
สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจฮาลาล มองว่ามีโอกาสเติบโตอีกมาก เพราะไม่เพียงจำนวนประชากรที่อยู่ในพื้นที่นั้น ๆเท่านั้น แต่ต้องประเมินถึงนักเดินทางและนักท่องเที่ยวที่มองหาสินค้า อาหาร และบริการฮาลาล ที่ะมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น
ส่วนแนวทางการทำงานของหน่วยงานฮาลาลในสหรัฐ จะมีการกำหนดอายุใบรับรองที่ 1 ปี ดังนั้นเท่ากับว่าต้องมีการตรวจสอบมาตรฐานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แน่ใจว่าการได้ใบรับรองฮาลาลไปนั้นมีการปฎิบัติจริงตามที่กำหนดไว้โดยตลอด
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ