สำนักข่าวอะลามี่ : ถอดระหัสความคิดจาก ผู้แทนจากหน่วยงานฮาลาลจากหลายประเทศทั่วโลก ได้สะท้อนมุมมองต่อ The Global Halal Economy ไว้อย่างน่าสนใจ
ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวจากปัจจัยรุมเร้า ทั้งสงครามการค้า และความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจนำไปสู่สงครามจริงๆ ทำให้ธุรกิจการค้าทั่วโลกอยู่ในภาวะซบเซา
แต่ เศรษฐกิจฮาลาลโลก หรือ The Global Halal Economy กำลังมีศักยภาพที่ดีอย่างมีนัยสำคัญ
ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ปี 2567 มี ประชากรมุสลิมทั่วโลก กว่า1,907ล้านคน หรือ 23.5%ของประชากรโลก และในปี 2593 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 2,761ล้านคน ถือเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่และมีศักยภาพสูงขณะที่มูลค่าตลาดอาหารฮาลาลทั่วโลกเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยทั้งปี 2568 คาดว่าจะมีมูลค่าสูงกว่า 2ล้านล้านดอลลาร์ และจะเติบโต แตะระดับ 3 ล้านล้านดอลลาร์ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
หลังกิจกรรมการลงนาม คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย (The Central Islamic Council of Thailand (CICOT)) กิจกรรม Mutual Recognition Agreement[MRA] Signing Ceremony between Foreign Halal Certification Bodies (FHCBs) and CICOT ซึ่งมีหน่วยงานที่ออกใบรับรองฮาลาลจากทั่วโลก 58 กว่าองค์กร จากมากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก
ผู้แทนจากหน่วยงานฮาลาลจากหลายประเทศทั่วโลกได้สะท้อนมุมมองต่อ The Global Halal Economy ไว้อย่างน่าสนใจ
Nadia El-Mouelly ผู้อำนวยการ Halal Certification Authority Australia จากออสเตรเลีย กล่าวว่า องค์กรได้ออกหนังสือรับรองให้ธุรกิจในออสเตรเลียเฉลี่ย 1.6 หมื่นฉบับต่อปี สาเหตุที่ธุรกิจต่างๆต้องการหนังสือรับรองฮาลาล ก็เพื่อนำไปใช้เพื่อการส่งออกไปยังตลาดที่กำหนดเงื่อนไขต้องเป็นสินค้าฮาลาล เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ รวมถึงประเทศไทยด้วย
ทั้งนี้มองว่า เศรษฐกิจฮาลาล มีแนวโน้มเติบโตที่ดี ที่ออสเตรเลีย เติบโต 10 % ต่อปี ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และมีทิศทางจะเพิ่มขึ้นอีก จากแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์ต่างๆเช่น ติ๊กต๊อก ,อินสตราแกรม ที่ช่วยทำให้ตลาดและดีมานด์สินค้าฮาลาลเพิ่มขึ้นในระดับสากล เพราะ ฮาลาลไม่ได้เพียงแค่สินค้าตามหลักการศาสนาเท่านั้น แต่รวมถึงเรื่องความสะอาด ความปลอดภัยของอาหาร หรือผลิตภัณฑ์นั้นๆด้วย การมีตราฮาลาล จึงเป็นผลดีต่อธุรกิจ แต่ก็ต้องทำให้ได้ดีจริงๆ
Abdul Ghani Jamali ผู้อำนวยการด้านกฎระเบียบ Halal Food Standards Alliance of America จากสหรัฐ กล่าวว่า ที่ผ่านเศรษฐกิจฮาลาลว่าเติบโตแบบเท่าตัวต่อปี และมีแนวโน้มจะเติบโตไปได้อีก เพราะผู้บริโภคที่มากขึ้นนำไปสู่การถามหาผลิตภัณธ์ฮาลาลที่มากขึ้นด้วย ดังนั้นธุรกิจอาจต้องเปลี่ยนทิศทางเพื่อรองรับเศรษฐกิจฮาลาลให้มากขึ้น
“การขอเครื่องหมายฮาลาลไม่ได้มาค่าใช้จ่ายที่สูงมาก เพราะองค์กรที่ทำงานด้านนี้ส่วนใหญ่เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร การทำงานหลักๆจะเป็นการเข้าไปตรวจสอบกระบวนการผลิตและที่มาของวัตถุดิบก่อนออกใบรับรองที่มีอายุ 1 ปี จึงไม่น่าจะเป็นต้นทุนที่สะท้อนไปถึงราคาขายปลีกที่เพิ่มขึ้น”
Nizar El Ghandour International Relations Director Fambras Halal บราซิล กล่าวว่า การขอใบฮาลาล แทบจะมีความสำคัญจะเป็นหัวใจของการส่งออกของบราซิล เพราะสินค้าส่งออกหลักคือ ไก่ และเนื้อสัตว์ การมีฮาลาล ทำให้ทำตลาดได้ง่ายและมากขึ้น ในตลาดประเทศมุสลิม เพราะอาหารฮาลาล กินได้ทั้งมุสลิมและไม่ใช่มุสลิม
Dr.Basma Farrag ผู้จัดการทั่วไป World Halal Authority : WHA จากอิตาลี กล่าวว่า ในยุโรป มีการตื่นตัวเรื่องฮาลาลมาก โดยเฉพาะในอิตาลี ที่ธุรกิจต้องการตราฮาลาลเพื่อป้อนดีมานด์ผู้บริโภคที่มีทิศทางเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ฮาลาลไม่เพียงแค่อาหาร แต่เป็นเรื่องของแฟชั่น และเครื่องสำอางด้วย
Moulana Abdul Wahab Wookay C.E.O National Independent Halaal Trust จากแอฟริกาใต้ กล่าวว่า บริษัทใหญ่ๆในแอฟริกา ต้องการเข้าถึงตลาดประเทศมุสลิม ปัจจุบันมีการส่งอกเนื้อสัตว์ ไปยังซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรต และอินเดีย จากนี้ไปการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฮาลาล จะไม่เพียงแค่การรับรองสินค้ากลุ่มอาหารเท่านั้น แต่ต้องมองไปถึงการสร้างนิเวศน์ฮาลาล ซึ่งประกอบด้วย การจ้างงาน การธนาคาร การท่องเที่ยว