Hot Stories
Home   /   Hot Stories  /   9 ปีไอแบงก์ ชูขึ้นชั้น1ใน3 Retail Banking ภูมิภาคเอเชีย

9 ปีไอแบงก์ ชูขึ้นชั้น1ใน3 Retail Banking ภูมิภาคเอเชีย

                สำนักข่าวอะลามี่ : ไอแบงก์โชว์วิสัยทัศน์ผู้บริหาร หลังดำเนินการมาครบ 9 ปี “ธีรศักดิ์”เผยไม่กังวลแม้ว่าจะลุกจากเก้าอี้ไปแล้ว เนื่องจากได้วางระบบและยุทธศาสตร์อย่างเข้มแข็ง พร้อมชูไอแบงก์สู่ความเป็นเลิศ 1 ใน 3 ด้าน Retail Banking ของภูมิภาคเอเชีย

               นายธีรศักดิ์  สุวรรณยศ ผู้จัดการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย หรือ ไอแบงก์  กล่าวในเวที การเสนา ครบรอบ 9 ปีงาน “ไอแบงก์ 9 ปี ก้าวเปลี่ยน…เพื่อคุณ”  เพื่อฉลองครบรอบ 9 ปี ในการเปิดดำเนินกิจการธนาคารอิสลาม ว่า  ตนอยู่ในแวดวงการเงินในระบบบดอกเบี้ย มานานพอสมควร หลังจากนั้นมาศึกษาระบบธนาคารอิสลาม  โดยระบบธนาคารอิสลาม จะเน้นความเป็นธรรม ทุนนิยมอิสลามการบริโภคไม่เป็นโทษกับตัวเองและสังคม จึงเข้ามาศึกษา แต่ค่อนข้างยากเพราะไม่เกี่ยวกับระบบดอกเบี้ย

               “ ระบบธนาคารอิสลามเป็นไปตามบัญญัติของพระเจ้า พระเจ้าอนุมัติให้การค้า แต่ไม่อนุญาตในเรื่องดอกเบี้ย"

               นายธีรศักดิ์  กล่าวอีกว่า ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น เราได้ร่วมกันสร้างสถาบันการเงินตามหลักความเชื่อ  เพราะ ไอแบงก์ เกิดขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจในเรื่องการใช้บริการด้านการเงิน ตามหลักการอิสลาม

              โดย ที่ผ่านมาระบบธนาคาอิสลามจะมีการบริหารใกล้เคียงระบบดอกเบี้ย จึงทำให้ถูกตั้งคำถามมากมาย  ซึ่งเราต้องอธิบาย ทำให้ไอแบงก์ได้รับการยอมรับและมีพนักงานหลากหลาย ไม่เฉพาะมุสลิมเท่านั้น

              “เรามีเป้าหมายสู่ความเป็นเลิศ 1 ใน 3 ด้าน Retail Banking ของภูมิภาคเอเชีย ภายใต้ภาพลักษณ์ความเป็นธนาคารคุณธรรม เพื่อลูกค้าทุกคนทุกศาสนา  ซึ่งมั่นใจได้ว่า ไม่ว่าใครจะมาบริหารงานธนาคารอิสลามฯต่อจากผม  ไอแบงก์ ก็จะยังคงยืนหยัดอยู่ได้ ด้วยแผนยุทธศาสตร์ 5 ปีที่เราวางไว้ โดย มุ่งสู่ความเป็นมืออาชีพ และเติบโตอย่างมั่นคง” นายธีรศักดิ์กล่าว

              ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร รองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงานบริหารความเสี่ยง กลุ่มงานยุทธศาสตร์องค์กร กล่าวในเวทีเดียวกันว่า ในอดีตธนาคารอิสลามฯ ผลการดำเนินการขาดทุนสะสม หลังจากที่ได้เปลี่ยนจากระบบสู่การคอมพิวเตอร์ ทำให้การทำงานมีระบบและสู่ความเป็นอินเตอร์มากขึ้น นำไปสู่การขยายฐานลูกค้าปลี่ยนจากโครงสร้างนาฬิกาทราย มาเป็นฐานลูกค้าแบบปิระมิดมากขึ้น

               ทั้งนี้ ธนาคารได้วางแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ ประกอบด้วย  การให้บริการลูกค้าด้วยหัวใจและใกล้ชิดกับลูกค้า  การคืนคุณค่าสู่สังคม ความเป็นเลิศด้านผลิตภัณฑ์ตามหลักชะรีอะฮ์   การบริหารทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ การพัฒนาระบบงานให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้มีส่วนได้เสีย  การพัฒนากระบวนการบริหารจัดการภายใต้กฎเกณฑ์ของทางการ  และมุ่งเน้นการสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงในอาชีพ

                “ การบริหารความเสี่ยง พบว่าเราติดอันดับ1ใน5 ของรัฐวิสาหกิจชั้นนำ แต่สิ่งที่ทำให้เรามีความเสี่ยงน้อย เพราะเรานำ ระบบชารีอะห์ นำกรอบศาสนา มาคุ้มครองและกำกับความเสี่ยง นี่คือหัวใจสำคัญ”

               นางอุไรวรรณ มณีโชติ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ผู้บริหารสายงานธุรกิจรายย่อย รับผิดชอบกลุ่มงานธุรกิจสาขา กลุ่มงานบริหารช่องทางการบริการ กล่าวว่า ที่ผ่านมาไอแบงก์ได้พยายามปรับโครงสร้างลูกค้า จากรายใหญ่มาเจาะตลาดรายย่อย ซึ่งนับเป็นเรื่องยากมาก จึงจำเป็นต้องมีระบบที่ดีมารองรับ และ การบริการที่ดี ต้องพัฒนาให้สมกับนโยบายและสโลแกนที่ว่า “ อุ่นใจ เมื่อใช้ไอแบงก์”

               “ในส่วนความพร้อมด้านสาขา ณ สินเดือนมิถุนายน 2555 ไอแบงก์มีสาขา 104 สาขา และจะเพิ่มเป็น 130 สาขาทั่วประเทศ  ภายในปี 2555  นอกจากนี้ ธนาคารยังมีโครงการ  iBank Family Member ( iFM)  ที่เป็นการตลาดแบบเครือข่ายในการบอกต่อ  ซึ่งเป็นนวัตกรรมการตลาดรูปแบบใหม่ครั้งแรกในวงการธนาคาร  ซึ่งเป็นการขยายฐานลูกค้าและเจาะกลุ่มลูกค้ารายย่อย อีกทั้งยังเป็นการลดต้นทุนของธนาคารในการขยายสาขาอีกด้วย  “ นางอุไรวรรณ กล่าว

               ด้าน ดร.ครรชิต สิงห์สุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงานุรกิจขนาดใหญ่ และ SMEs กล่าวว่า ธนาคารได้จำแนกกลุ่มลูกค้าออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มลูกค้ารายใหญ่ กลุ่มลูกค้า SMEs และกลุ่มรายย่อย (Retail)โดยในส่วนของลูกค้ารายใหญ่นั้น ธนาคารจะมุ่งเน้นการให้บริการลูกค้าอย่างครบวงจร ด้วยการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ที่ให้คำแนะนำในการผสมผสานผลิตภัณฑ์ตลาดเงินควบคู่กับผลิตภัณฑ์ตลาดทุน 

                ขณะที่กลุ่มลูกค้า SMEs ธนาดารมีนโยบายมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ มีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจโดยกระจายฐานลูกค้าไปในหลายกลุ่มธุรกิจ   เช่น ธุรกิจก่อสร้าง  ธุรกิจการผลิต ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ เป็นต้น 

               “ ในส่วนของธุรกิจเอสเอ็มอี เราตั้งเปสปล่อยสินเชื่อไว้ 3หมื่นล้านบาท คาดปลายปีนี้ จะสามารถเบิกจ่ายตัวเลขแตะอยู่ที่  2.7หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้าในกลุ่มธุรกิจฮาลาลฟู๊ด และซับพรายเชน” ดร.ครรชิต กล่าว

 

 

ataşehir escort
ümraniye escort
pendik escort
kadıköy escort
maltepe escort
anadolu escort
bostancı escort
ataşehir escort kadıköy escort kartal escort maltepe escort