Hot Stories
Home   /   Hot Stories  /   อิหม่ามปราโมทย์ มีสุวรรณ

“อิหม่ามนักเขียน  นักวิชาการศาสนารุ่นใหม่”

 โดย เอกราช มูเก็ม

           สัมภาษณ์พิเศษ : ไม่เพียงแต่เป็นผู้นำศาสนาเท่านั้น...แต่ อิหม่ามปราโมทย์  มีสุวรรณ  อิหม่ามมัสยิดบัดรู้ลมุมีนีน (ศาลาลอย) ซึ่งตั้งอยู่ย่านพระโขนง ยังเป็นนักวิชาการศาสนา ที่มีแนวทางสายกลางที่น่าจับตามองคนหนึ่งทีเดียว และยังมีบทบาทเป็นที่ปรึกษาธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ด้านศาสนา (ด้านชะรีอะฮ์) อีกด้วย

            อิหม่ามปราโมทย์  ย้อนอดีตให้ฟังว่า เขาเป็นคนบ้านดอนโดยกำเนิด  ในวัยเด็กเริ่มเรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนสุเหร่าบ้านดอน ก่อนที่จะไปเรียนต่อที่โรงเรียนอิสลามศรีอยุธยา มูลนิธิ (อ.ศ.อ.) จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ จึงกลับมาเรียนด้านศาสนาอย่างจริงจังที่โรงเรียนมิฟตาฮุ้ลอุลูมิดดีนียะห์ (บ้านดอน) พร้อมๆกับศึกษาในระดับ ปวช. ที่วิทยาเขตพณิชยการพระนคร ย่านนางเลิ้ง ควบคู่กันไปด้วย

            หลังจากศึกษาถึงชั้นสูงสุดของโรงเรียนมิฟตาฮุ้ลอุลูมิดดีนียะห์แล้ว จึงได้สอบชิงทุนไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยอัลอัซฮัร  กรุงไคโร  ประเทศอียิปต์  ในคณะเผยแผ่ศาสนาอิสลาม หรือนิเทศศาสตร์อิสลาม  โดยใช้ชีวิตศึกษาอยู่ที่ประเทศอียิปต์ประมาณ 5 ปี

            “หลังจากจบการศึกษาจากประเทศอียิปต์  ผมก็ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยคุณพ่อ  ซึ่งขณะนั้นท่านเป็นอิหม่ามที่มัสยิดแห่งนี้ (มัสยิดบัดรู้ลมุมีนีน)  จนกระทั่งท่านถึงวัยชราจึงได้เกษียณตัวเอง  แล้วผมก็ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งอิหม่ามแทนท่านในปี พ.ศ.2545 จนถึงปัจจุบันก็เป็นเวลาร่วม 12 ปีแล้ว ในการทำหน้าที่อิหม่าม  โดยมีสัปปุรุษที่สังกัดมัสยิดแห่งนี้ ประมาณ 700 คน”

            ในฐานะที่เป็นอิหม่าม ซึ่งมีหน้าที่ปกครองดูแลปวงสัปปุรุษและคนในชุมชนให้อยู่ในกรอบของศาสนา  จึงสำนึกอยู่เสมอว่านั่นคืออะมานะห์ (ความรับผิดชอบ) อย่างหนึ่งที่จะต้องทำให้ดีที่สุด ในการที่จะทำให้ปวงสัปปุรุษและคนในชุมชนให้มีการดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องตามหลักการของศาสนาอิสลาม

            อิหม่ามปราโมทย์  บอกว่า สิ่งที่ปรารถนาและคาดหวังมากที่สุดประการหนึ่งก็คือการทำให้คนในการปกครองได้ละหมาดครบ 5 เวลา  เพราะละหมาดคือพื้นฐานสำคัญของการดำเนินชีวิตแบบมุสลิม  จึงได้จัดให้มีการสอนศาสนาประจำสัปดาห์ในวันเสาร์ และการอบรมศาสนธรรมประจำเดือนๆละครั้ง ในส่วนของการศึกษาอัลกุรอาน ฟัรดุอัยน์  และจริยธรรม  ทางมัสยิดจะทำการสอนในช่วงเวลาเย็นของทุกวัน  และถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญยิ่ง    เพราะเป็นการปูพื้นฐานชีวิตของเด็กมุสลิม ที่จะต้องอ่านอัลกุรอานให้ได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งเรื่องของการปฏิบัติศาสนกิจที่ถูกต้องซึ่งอยู่ในภาควิชาฟัรดุอัยน์

          “การอ่านอัลกุรอาน นั้น เป็นสิ่งจำเป็นยิ่งในชีวิตของมุสลิมทุกคน  ที่จะต้องอ่านให้ถูกต้องตามหลักการอ่านหรือหลักตัจญวีด เพราะจะต้องนำไปใช้ในการละหมาดและชีวิตประจำวัน  ส่วนเรื่องความไพเราะนั้น  ทางมัสยิดจะจัดให้มีนักกอรีมาสอนเพื่อเสริมทักษะการอ่านให้มีความไพเราะยิ่งขึ้นด้วย”

            ไม่เพียงการทำหน้าที่อิหม่ามเท่านั้น  แต่ชีวิตประจำวันของอิหม่ามปราโมทย์  ยังเป็นครูสอนศาสนาที่โรงเรียนมิฟตาฮุ้ลอุลูมิดดีนยะห์ (บ้านดอน)  และเป็นวิทยากรบรรยายศาสนธรรมตามองค์กรศาสนา  สถาบันต่างๆ และออกอากาศทางสถานีวิทยุอีกด้วย  จึงเริ่มมีความรู้สึกว่าการสอนหรือการบรรยายนั้นมักจะได้เพียงแค่การรับฟังเท่านั้น   จึงมีความคิดที่จะเขียนตำราทางวิชาการขึ้น

            โดยตำราเล่มแรกที่อิหม่ามปราโมทย์  มีสุวรรณ เขียน ก็คือหนังสือ “กุญแจภาษาอาหรับ”  เมื่อปี พ.ศ.2550 ปัจจุบันพิมพ์เป็นครั้งที่ 3 แล้ว  หนังสือเล่มนี้เปรียบเสมือนเป็นกุญแจไขไปสู่ความเข้าใจภาษาอาหรับ  เพราะมีบางส่วนของหลักไวยากรณ์อาหรับและคำศัพท์ภาษาอาหรับที่ควรรู้มากกว่า 4,500คำ

            นอกจากนี้ยังมีหนังสือชื่อ  “ดุอา...มันสมองของอิบาดะห์” เป็นหนังสือที่รวบรวมบทดุอาที่สมบูรณ์เล่มหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีคำแปลในทุกบทดุอาด้วย  และอีกเล่มหนึ่งที่น่าสนใจก็คือหนังสือ “พจนานุกรม 3 ภาษา” (อาหรับ – อังกฤษ – ไทย) ที่รวบรวมคำศัพท์มากกว่า 3 หมื่นคำ  พร้อมทั้งมีบทสนทนา 3 ภาษา อีกด้วย จึงเหมาะสำหรับนักศึกษา  ล่าม  นักแปล และผู้สนใจภาษาทั่วไป

            อิหม่ามปราโมทย์ ได้กล่าวถึงการได้รับเลือกให้เป็นที่ปรึกษาธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ด้านชะรีอะฮ์)  ว่า ในฐานะที่ได้รับตำแหน่งนี้  ถือเป็นหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบ (อะมานะห์) ในการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการดำเนินธุรกรรมของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เท่าที่มีอำนาจตาม พ.ร.บ.ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยถือเป็นสถาบันทางการเงินแห่งเดียวที่ไม่เกี่ยวข้องกับดอกเบี้ย จึงเป็นสถาบันการเงินที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุดสำหรับพี่น้องมุสลิมและพี่น้องต่างศาสนิก

          “ในฐานะที่เป็นผู้หนึ่งในคณะที่ปรึกษา ที่ให้คำปรึกษากับธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยด้านศาสนา (ชะรีอะฮ์)  ก็จะพยายามดูแลการทำธุรกรรมทุกประเภทให้อยู่ในกรอบของชะรีอะฮ์  ซึ่งในภาพรวมสำหรับการทำธุรกรรมของธนาคารฯนั้นจะเห็นได้ว่าใช้หลักการลงทุน การร่วมทุน และการซื้อขาย  ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติของศาสนาอิสลาม  มีข้อตกลงที่ชัดเจน  สำหรับสิ่งที่ลูกค้าจะได้รับก็คือผลกำไรที่เกิดจากการดำเนินกิจการ หรือธุรกิจที่ไม่ขัดต่อหลักการของศาสนาอิสลาม”

            อิหม่ามปราโมทย์  กล่าวต่อไปว่า  ในส่วนที่เป็นนักเผยแผ่ศาสนา  สิ่งหนึ่งที่สำคัญยิ่งคือต้องมีความมุ่งมั่นที่จะถ่ายทอดวิชาความรู้ หมายถึงต้องกล้าที่จะพูด กล้าที่จะแสดงความคิดเห็น และใช้วิธีการใดก็ได้ในการเผยแผ่ เช่นเป็นครู เพราะจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายทีเดียว  หากวิชาความรู้ขาดการนำมาถ่ายทอดหรือเผยแผ่

อย่างไรก็ตาม การเป็นนักวิชาการเผยแผ่ศาสนานั้น เนื่องจากวิชาการต่างๆมีมากมาย จึงต้องมีวิธีการถ่ายทอดให้เหมาะสมกับวิชาการนั้นๆ  บางวิชาการที่มีความละเอียดอ่อน เช่นวิชาการเกี่ยวกับนิติศาสตร์ จะต้องอธิบายทรรศนะต่างๆให้ชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องรายละเอียด และจะต้องระมัดระวังการสร้างความรู้สึกที่ไม่ดีกับผู้ที่เห็นต่าง ทั้งนี้การเป็นนักวิชาการเผยแผ่ศาสนาที่ดีจะต้องไม่เอาทรรศนะส่วนตัวหรือความเห็นส่วนตัวมาเป็นหลักการในการตัดสิน

          “จรรยาบรรณของนักวิชาการหรือนักเผยแผ่ศาสนานั้น จะต้องไม่สร้างความแตกแยก คือแตกต่างได้ แต่ไม่นำไปสู่ความแตกแยก ควรจะชี้แจงทรรศนะหรือแนวทางต่างๆของนักปราชญ์ทั้งหลายที่ย่อมมีความเห็นต่างกันได้ หรือที่เราเรียกว่า “มัซฮับ” นั่นเอง ซึ่งล้วนมีหลักฐานที่เป็นที่ยอมรับมายืนยันทรรศนะของตนทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นมาตรฐานของนักวิชาการหรือนักเผยแผ่ศาสนาที่ดีนั้น จะต้องสอนวิชาการให้ได้ประโยชน์สูงสุด และที่สำคัญคือต้องไม่นำไปสู่ความแตกแยกในสังคม”

            คำกล่าวของท่านศาสดามุฮำมัด (ศ.ล.) ที่ได้กล่าวไว้ในฮะดีษหนึ่งความว่า “ความคิดเห็นที่แตกต่างกันของประชากรของฉัน เป็นความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า” นั้น  เป็นความจริงที่บ่งบอกเรื่องนี้ได้อย่างดีทีเดียว

          “ การมีตำแหน่งเป็นการทดสอบอย่างหนึ่งจากพระผู้เป็นเจ้า  ผู้มีตำแหน่งจะต้องคิดอยู่เสมอว่า เขาจะต้องถูกสอบสวนจากพระผู้เป็นเจ้าในหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ และได้รับมอบหมาย  จะต้องไม่เคลิบเคลิ้มกับตำแหน่ง จะต้องไม่รู้สึกว่ามันเป็นเกียรติยศ  ศักดิ์ศรี  หรือความน่าภาคภูมิใจแต่อย่างใด  เพราะความรู้สึกเหล่านี้จะทำให้เขาหลงโลกดุนยา จนลืมพระผู้เป็นเจ้าในที่สุด ” อิหม่ามปราโมทย์  กล่าว.                                           

 หมายเหตุ: ตีพิมพ์ครั้งแรก นิตยสาร ดิ อะลามี่ ฉบับพฤษภาคม2557