Hot Stories
Home   /   Hot Stories  /   สทท.หนุน ภูเก็ต ทัวริสซึ่ม แซนด์บ็อกซ์" เที่ยวไทยไม่ต้องกักตัวดีเดย์ 1 ก.ค.64 นี้

สทท.หนุน ภูเก็ต ทัวริสซึ่ม แซนด์บ็อกซ์"

เที่ยวไทยไม่ต้องกักตัวดีเดย์ 1 ก.ค.64 นี้

               สำนักข่าวอะลามี่ :  โกจง : ชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หนุนโครงการ " ภูเก็ต ทัวริสซึ่ม แซนด์บ็อกซ์" ตามโรดแมพเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว มาเที่ยวไทยไม่ต้องกักตัว ซึ่งจะเริ่มวันที่ 1 กรกฎาคม 2564


               นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 3 ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง จนหลายธุรกิจด้านท่องเที่ยว หลายๆผู้ประกอบการ บอกว่า ยื้อต่อไปไม่ไหว ต้องยอมปิดกิจการ เพราะหมดเงินแล้ว ส่งผลให้แรงงาน ตกงานทันที

             “ วัคซีนโควิด-19 คือ ทางออก การเร่งระดมฉีดวัคซีนให้ทั่วถึง จะทำให้เดินหน้าต่อได้ เช่นภูเก็ตเเซนด์บ๊อกซ์ จะต้องเดินหน้า และต่อยอดอีกในหลายพื้นที่ โดยนำภูเก็ตโมเดล ไปขยายเป็นแม่แบบ ทั้งวิธีกระจายฉีดวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพ (รัฐ+เอกชน ) ขอชื่นชมท่านผู้ว่าภูเก็ตและทีมงาน ที่เข้าใจปัญหา เดินหน้าแก้ปัญหาได้เร็วมาก และนับเป็นแบบอย่างที่ดี ” นายชำนาญ กล่าว

              ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวอีกว่า สำหรับแผนการกระตุ้นการท่องเที่ยว ก็ต้องทำ เช่นโคงการไทยเที่ยวไทยก็ยังเป้นความหวังของผู้ประกอบการ รวมถึงโครงการเที่ยวด้วยกัน โครงการทัวร์เที่ยวไทย หรือ โครงการเที่ยวคนละครึ่ง  ฯลฯ ต้องรีบทำ จะเป็นการเพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการ รักษาการจ้างงานไม่ให้ธุรกิจท่องเที่ยวและภาคบริการล้มหายตายจาก

               นอกจากนี้ นโยบายซ่อม/ สร้าง ทั้งคนและแหล่ง ก็มีความจำเป็นและสคัญ เพราะมิฉะนั้นเมื่อเปิดประเทศแล้วจะทำไม่ทัน จะสู้กับประเทศคู่แข่งไม่ได้ ซึ่งในหลายๆประเทศเริ่มเดินหน้าแล้วอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว

             ทั้งนี้  มั่นใจว่า หลังจากวิกฤตโควิด-19 จบ นักท่องเที่ยวทั่วโลกจะแห่ทะลักมาท่องเที่ยวในประเทศไทยอย่างแน่นอน ขอวอนให้รัฐบาล ช่วยรักษา ผู้ประกอบการและแรงงาน ด้านท่องเที่ยว ไว้เพื่อเป็นขุนพลกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป

              ทั้งนี้ สอดรับกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. โดย นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ หรือ ท.ท.ช. ล่าสุด ได้เสนอที่ประชุม ขอฉีดวัคซีนประมาณ 3.5 ล้านโดส เพื่อฉีดให้บุคลากรด้านการท่องเที่ยว รองรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวผ่านโครงการ " ภูเก็ต ทัวริสซึ่ม แซนด์บ็อกซ์" ตามโรดแมพเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว มาเที่ยวไทยไม่ต้องกักตัว จะเริ่มวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 จากนั้นในเดือนตุลาคม จะดำเนินโครงการในจังหวัดนำร่องอื่นๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย

                ขณะที่ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายท่องเที่ยวแห่งชาติ ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแนวทางการฟื้นฟูการท่องเที่ยว เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ พร้อมกับมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมเพื่อดำเนินการตามแผนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว

               ประกอบด้วย มอบหมายกระทรวงมหาดไทย เตรียมความพร้อมและประสานรวบรวมจำนวนวัคซีนโควิด-19 ให้กับพื้นที่ที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยว 10 พื้นที่ กระทรวงสาธารณสุข พิจารณาการจัดสรรวัคซีนและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมความพร้อมด้านการตลาด และให้สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ เพื่อพิจารณาการจัดสรรวัคซีน

               สำหรับแนวทางการเปิดประเทศเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวนี้ ได้กำหนดช่วงดำเนินการเป็น 4 ระยะ ดังนี้

               ระยะที่ 1 นำร่อง 1 เม.ย. – 30 มิ.ย. 64 เปิดรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีน มีใบรับรองการฉีดวัคซีน และกักตัวตามระยะเวลาที่ ศบค.กำหนด

                ระยะที่ 2 Phuket Sandbox 1 ก.ค. – 30 ก.ย. 64 เปิดรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนแล้ว มีใบรับรองการฉีดวัคซีน เข้ามาในพื้นที่ภูเก็ตโดยไม่มีการกักตัว

               ระยะที่ 3 ผ่อนคลายในพื้นที่ที่มีศักยภาพ เริ่มตั้งแต่ 1 ต.ค. 64 เป็นต้นไป รับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีน และมีใบรับรองการฉีดวัคซีน ขยายพื้นที่ไปยังจังหวัดกระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ ชลบุรี บุรีรัมย์ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และกรุงเทพฯ โดยไม่ต้องกักตัว

                ระยะที่ 4 เข้าสู่ภาวะปกติ ตั้งแต่ 1 ม.ค. 65 เป็นต้นไป เปิดรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนแล้ว และมีใบรับรองการฉีดวัคซีนเข้ามายังทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยไม่ต้องกักตัว

                สำหรับการประเมินพื้นที่ศักยภาพ 10 แห่งเพื่อดำเนินการนั้น ได้เลือกพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และบางส่วนของจังหวัดกระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติ และบางส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากจะมีการจัดการแข่งขันวิ่งภูเขาและวิ่งเทรลชิงแชมป์โลก ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 11 – 14 พ.ย. 2564 ก่อน

               สำหรับจังหวัดชลบุรี ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติ และพื้นที่เชื่อมโยงกรุงเทพฯ ส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นแหล่งพักผ่อนที่สำคัญของทั้งชาวไทยและต่างชาติ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ ส่วนจังหวัดเพชรบุรี เป็นพื้นที่เชื่อมโยงกับกรุงเทพฯ และประจวบคีรีขันธ์ สำหรับจังหวัดบุรีรัมย์ จะมีการจัดการแข่งขันกีฬาหลายรายการ เช่น โมโต จีพี ในเดือนต.ค. 2564 ขณะที่กรุงเทพฯ ซึ่งถือเป็นจุดหลายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยว