Hot Stories
Home   /   Hot Stories  /   สุขสันต์ปีใหม่อิสลามท่ามกลางนำ้้ท่วม

 สุขสันต์ปีใหม่อิสลามท่ามกลางนำ้้ท่วม
 Selamat Tahun Baru 1433 Hijriah

โดย : อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บิน ชาฟิอีย์  (อับดุลสุโก ดินอะ)   

               สำนักข่าวอะลามี่ : ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา กรุณาเสมอ ขอความสันติสุขจงมีแด่ศาสนฑูตมูฮัมมัด  ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีวันปีใหม่อิสลาม แด่ผู้อ่านทุกท่านหรือ Selamat Tahun Baru 1433 Hijriah

                วันนี้วันที่ 26 พฤศจิกายน 2554 ตรงกับวันที่ 1 มุฮัรรอม ฮิจเราะห์ศักราช 1433 ตามปฏิทินอิสลาม นั่นหมายความว่า วันนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่ หรือฮิจเราะห์ศักราชใหม่ ตามปฏิทินอิสลาม

                สำหรับวิถีวัฒนธรรมของมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในอดีตหลายชุมชนสำหรับผู้เฒ่าผู้แก่ ก็จะมีการอ่านบทขอพรเป็นการส่วนตัวหรือหมู่คณะในมัสยิดของชุมชนเพื่อขอภัยโทษในอดีตที่ผ่านมา และขอความเป็นศิริมงคลในปีถัดไป ถึงแม้หลายชุมชน หรือหลายคนจะไม่ปฏิบัติเพราะถือว่าท่านศาสนฑูต มูฮัมมัด ไม่เคยทำเป็นแบบอย่าง

                แต่ในช่วงสิบปีหลังนี้ พบว่า โรงเเรียนสอนศาสนา ไม่ว่าจะเป็นศูนย์อบรมประจำมัสยิด (ตาดีกา) โรงเรียนเอกชนสอนศาสนา จะมีกิจกรรมรำลึกปีฮิจเราะห์ศักราชใหม่อย่างเอิกเกริก ซึ่งมีกิจกรรมมากมายในงาน ไม่ว่าจะเป็นการเดินพาเหรดเชิงสร้างสรรค์   การประกวดกิจกรรมบนเวที  กีฬาต่างๆทั้งพื้นบ้านและสากล รวมทั้งการบรรยายธรรมเรื่องคุณค่าและบทเรียนฮิเราะห์ศักราชใหม่

               ซึ่งในปีนี้เป็นที่น่าเสียดายว่าในชุมชนมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องฉลองท่ามกลางนำ้ท่วม

                ความเป็นจริงฮิจเราะห์ เป็นคำภาษาอาหรับ ตามรากศัพท์แปลว่า การตัดขาด หรือ การเคลื่อนย้าย

                แต่เมื่อพิจารณาความหมายในทางวิชาการแล้วจะหมายถึง : การละทิ้งสิ่งที่พระเจ้าทรงห้าม หรือ การโยกย้ายจากสถานที่ที่น่าสพรึงกลัวไปยังสถานที่ที่ปลอดภัย หรือ การอพยพจากสถานที่อันไม่สามารถแสดงตนเป็นมุสลิมไปสู่อาณาจักรอิสลาม 

                สำหรับหลักการที่เกี่ยวข้องกับการฮิจเราะห์ สามารถทำความเข้าใจได้ดังนี้ (โปรดดู วิสุทธิ์ บิลล่าเต๊ะ การฮิจเราะห์ในประชาไทออนไลน 8/9/2548 ) 

                1.ในยุคแรกของอิสลาม การฮิจเราะห์ถูกกำหนดให้เป็นหน้าที่ของผู้ปฏิญาณตนเข้ารับอิสลามทุกคน จากเมืองมักกะห์ ไปยังเมืองมาดีนะห์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ใประเทศซาอุดิอาระเบีย  ทั้ง นี้เพื่อสร้างประชาคมมุสลิมที่นครมาดีนะห์เป้นมหานครแห่งสันติสุข เนื่องจากประชากรมุสลิมที่นั่นมีน้อย ยกเว้นคนอ่อนแอที่ขาดปัจจัย เช่น คนชรา เด็ก สตรีหรือทาส เป็นต้น 

                 2.ภายหลังการบุกเบิกนครมักกะห์ในปีที่ 8 หลังการฮิจเราะห์ (ของศาสดามูฮัมหมัด) บทบัญญัติเกี่ยวกับการฮิจเราะห์ ก็เปลี่ยนไป เนื่องจากสถานการณ์ในมักกะห์เปลี่ยนไป กล่าวคือ การปฏิบัติศาสนากิจใดๆ สามารถทำได้โดยอิสระเสรี การฮิจเราะห์ จึงไม่จำเป็นอีกต่อไป 

               ดังวัจนะของศาสนฑูตมูฮัมหมัด ที่บันทึกไว้โดยอิหม่ามบูคอรีย์และมุสลิมความ ว่า “ ไม่มีการฮิจเราะห์อีกแล้ว หลังการบุกเบิกมักกะห์ แต่การณ์ทั้งหลาย ขึ้นอยู่กับการเจตนาและการต่อสู้” (บันทึกไว้โดยอิหม่ามบูคอรีย์และมุสลิม) 

               3.โดยนัยยะนี้ อิหม่ามชาฟีอีย์ จึงระบุในตำรา “อัลอุม” ของท่านว่า “วัตรปฏิบัติ แห่งบรมศาสดา บ่งชี้ว่า ข้อกำหนดให้ฮิจเราะห์สำหรับผู้ที่สามารถทำได้นั้น เป็นข้อบังคับเหนือผู้ที่ไม่สามารถดำรงตนเป็นมุสลิมอยู่ได้ในแผ่นดินที่ผู้นั้นอยู่อาศัย (ส่วนผู้ที่สามารถดำรงตนเป็นมุสลิมได้อย่างเสรีก็ไม่จำเป้นต้องฮิจเราะห์) 

              เห็น ได้จากที่บรมศาสนฑูตอนุญาตให้ลุงของท่าน คือ อับบาส และคนอื่นๆ อีกหลายคน คงอยู่ในมักกะห์ต่อไป เพราะคนเหล่านี้เข้มแข็งพอที่จะรักษาความเป็นมุสลิมของเขาไว้ได้ 

            ฮาฟิซ อิบนุ หะญัร กล่าวไว้ในตำรา “ฟัตหุล บารี” เล่มที่ 7 หน้า 229 ว่า “โดยนัยนี้ผู้ที่สามารถเคารพสักการะบูชาอัลเลาะห์ได้ ในแผ่นดินใดก็ตาม ที่เขาอยู่ เขาไม่จำเป็นต้องฮิจเราะห์ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็จำเป็น ” 

             ในวารดิถีขึ้นปีใหม่ หรือ ฮิจเราะห์ศักราชใหม่ 1433นี้ ขอให้ทุกคนมีความสุข ได้รับความสิริมงคล และทางนำจากอัลลอฮฺ ที่สำคัญของบทเรียนฮิจเราะห์ตามทัศนะอิสลามคือ การที่ทุกคนจะต้องไม่ลืมทบทวนเรื่องราวในอดีต ปี 2554 และ ฮ.ศ. 1432 โดยเฉพาะเหตุการณ์ร้ายในจังหวัดชายแดนใต้ และความแตกสามัคคีของคนในชาติไม่ว่าภาคไหน แบ่งเป็นฝักเป็นฝ่าย  หรือ ข่าวอุทกภัย นำ้ท่วม  ดินถล่ม บ้านผัง  คลื่นซัด เป็นผลให้คนเหล่านี้ต้องฉลองปีใหม่ด้วยความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน