Hot Stories
Home   /   Hot Stories  /   แกะรอยคาร์บอมหาดใหญ่สะเทือนธุรกิจพันล้าน

แกะรอยคาร์บอมหาดใหญ่สะเทือนธุรกิจพันล้าน

ทีมข่าวเฉพาะกิจ สำนักข่าวอะลามี่ รายงาน

            สำนักข่าวอะลามี่ : แกะรอยระเบิดห้างลีการ์เดนท์หาดใหญ่  ปฎิบัติการณ์ 31มีนาคม เขย่าหาดใหญ่ ยอดตาย 3 เจ็บกว่า300คน สะเทือนธุรกิจหาดใหญ่สูญนับพันล้าน

ระทึก....ระเบิด-ไฟไหม้ ห้างลีการ์เด้นพลาซ่า

          บ่ายๆของวันที่31 มีนาคม 2555 (13.00น.) ส่งท้ายเดือนต้อนรับเทศกาลน้ำของคนไทย  เกิดเหตุเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้นจากชั้นใต้ดินของห้างลีการ์เด้นพลาซ่า ตั้งอยู่ย่านเศรษฐกิจการค้ากลางเมืองหาดใหญ่ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าและโรงแรม 33 ชั้น สูงที่สุดในเมืองหาดใหญ่

          นักท่องเที่ยวนับพันคนที่กำลังเข้าไปใช้บริการอยู่ภายในห้างฯ ต้องวิ่งหนีตายออกมาจากตัวห้างและพังกระจกตามชั้นต่างๆเพื่อหาอากาศหายใจและปีนป่ายลงมาและร้องขอความช่วยกันกันระงม โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างโกลาหล

        เบื้องต้นมีผู้บาดเจ็บมากกว่า50 คน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลต่างๆซึ่งส่วนใหญ่สำลักควันและโดนกระจกบาด ขณะที่ยังมีอีกนักท่องเที่ยวอีกจำนวนมากที่ยังติดค้างอยู่บริเวณชั้นบนยังลงมาไม่ได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่เร่งระดมรถดับเพลิงฉีดน้ำ ที่กำลังลุกไหม้และควันไฟพวยพุ่งออกมาจากชั้นใต้ดิน

 

4 ชั่วโมงระทึดก่อนควบคุมเพลิงไว้ได้

           หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ไฟที่ลุกไหม้ พร้อมกับเคลียร์ผู้ที่ติดอยู่ตามชั้นต่างๆทั้งในส่วนของโรงห้างสรรพสินค้าและโรงแรมออกมาได้หมดโดยใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมง

            เบื้องต้นพบผู้เสียชีวิต 4 ราย เป็นชาย 1 ราย โดยติดอยู่ในซอกบันใดเลื่อนชั้นบี 1 ซึ่งเป็นที่เกิดระเบิดขึ้นซึ่งร่างกายถูกไฟไหม้จนเกรียม ส่วนอีก 3 ราย พบที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ยุติการค้นหา

             โดยระดมหน่วยกู้ภัยและนักผจญเพลิง เข้าไปค้นหาตามชั้นต่างๆโดยเฉพาะตั้งแต่ชั้น 1 ถึงชั้น 4 ซึ่งไฟไหม้อย่างหนัก และยังพบผู้บาดเจ็บเป็นระยะ

            นอกจากนี้ระหว่างที่เกิดไฟไหม้ทราบว่ามีหญิงท้องและนักท่องเที่ยว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมาเลเซีย ติดอยู่ภายในลิฟท์ ชั้น10  ของโรงแรมนานกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะสามารถช่วยออกมาได้อย่างปลอดภัย

 ยอดคนเจ็บพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง

            เวลาต่อมามีรายงานจำนวนผู้บาดเจ็บล่าสุดอยู่ที่ 230 คน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหาดใหญ่  มอ. และโรงพยาบาลเอกชน ในเมืองหาดใหญ่ โดยนำส่ง มอ. มากที่สุด 120 คน ส่วนใหญ่จะสำลักควันไฟและบาดเจ็บจากแก้วบาด

           ในจำนวนนี้อาการสาหัสอย่างน้อยสองรายโดยหนึ่งในนั้นเป็นนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียถูกไฟลวก และสลบอยู่บริเวณชั้นบี 1 และเจ้าหน้าที่สามารถช่วยออกมาได้ทัน

สับสนข้อมูลเบื้องต้นระบุแก๊สระเบิด

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุ นายไพร พัฒโน นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ รวมทั้งฝ่ายตำรวจ และฝ่ายปกครองในพื้นที่ ต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า สาเหตุของระเบิดมาจากแก๊สระเบิดบริเวณชั้นบี ซึ่งเป็นชั้นใต้ดิน

            โดยเจ้าหน้าที่สามารถเข้าเคลียร์พื้นที่บริเวณชั้นใต้ดินของห้างลีการ์เด้นส์พลาซ่า ซึ่งเป็นจุดระเบิดได้แค่ 3 ชั้นจากทั้งหมด 5 ชั้น เนื่องจากยังมีควันพิษและมืด ขณะที่รถอยู่ชั้นใต้ดินกว่า 200 คัน

           ต่อมาในตอนเช้าของวันที่1 เม.ย. ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดหรืออีโอดี สามารถเข้าเคลียร์พื้นที่ได้เพียง 3 ชั้น คือชั้นบี 1 บี2 และบี 3 เท่านั้น ยังเหลือชั้นบี4 และบี5  ซึ่งอยู่ใต้สุดยังไม่สามารถลงไปเคลียร์พื้นที่ได้ เนื่องจากบริเวณชั้นใต้ดินยังมีกลุ่มควันพิษ และไอความร้อนรวมทั้งสภาพอากาศที่มืดและมีซากรถยนต์ที่ถูกไฟไหม้เป็นจำนวนมาก

           อย่างไรก็ตามจากการเข้าเคลียร์พื้นที่จุดที่วางคาร์บอมบริเวณชั้นบี 3 เจ้าหน้าที่สามารถเก็บวัตถุพยานซึ่งเป็นชิ้นส่วนสะเก็ดระเบิดได้บางส่วนแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้เตรียมไฟและเครื่องไล่ควันเพื่อเตรียมลงไปเคลียร์พื้นที่บริเวณชั้นบี4 และบี 5 อย่างละเอียดอีกครั้งแต่ไม่สามารถระบุได้ว่าการเคลียร์พื้นที่บริเวณชั้นใต้ดินจะแล้วเสร็จภายในวันนี้หรือไม่ แต่มีการยืนยันว่าบริเวณชั้นใต้ดินไม่มีคาร์บอมลูกที่สองตามที่ได้มีการตั้งข้อสงสัยแต่อย่างใด  

เผยรถคาร์บอมเป็นของอดีตปลัดอบต.นราฯ

          จากการตรวจสอบรถยนต์เก๋งที่ถูกใช้เป็นระเบิดคาร์บอม ที่โรงแรมลีการ์เด้นส์พลาซ่า ทราบว่า โดยเป็นรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีดำ ทะเบียน กค 6734 พัทลุง ของ นายธนสร  เกื้อสุข อดีต ปลัด อบต.เชิงคีรี อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ซึ่งถูกคนร้ายลอบยิงเสียชีวิตและชิงรถเหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม54

           นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเร่งตรวจสอบและตรวจค้นรถยนต์ต้องสงสัยอีก4 คัน อย่างละเอียด ประกอบด้วย รถยนต์กระบะอีซูซุสีฟ้า กระบะอีซูซุสีบรอน กระบะโตโยต้าไฮลักษ์ไทเกอร์สีขาว และรถเก๋งฮอนด้าซีวิค สีดำ ซึ่งเป็นยนต์ต้องสงสัยว่า อาจจะเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ อ.หาดใหญ่

แม่ทัพภาค4 ตรวจสถานที่เกิดเหตุ

           เมื่อเวลา16.00 น.วันที่1 เม.ย. พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์  แม่ทัพภาค4 เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และรับทราบสถานการณ์กรณีเหตุระเบิดโรงแรมลีการ์เด้นส์พลาซ่า ใน อ.หาดใหญ่ พร้อมกับเผยว่า ทุกฝ่ายจะต้องหามาตรการป้องกันอุดช่องโหว่เพื่อไม่ให้ก่อเหตุซ้ำ หากจำเป็นต้องหาเครื่องมือมาเพิ่มเติมเชื่อว่ารัฐบาลก็น่าจะสนับสนุนเพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น แต่ขณะนี้จำเป็นที่จะต้องเร่งฟื้นฟูเมืองให้กลับมามีสภาพเดิมโดยเร็วสุดโดยเฉพาะสภาพจิตใจของชาวหาดใหญ่รวมถึงในพื้นที่ จ.ยะลา ซึ่งมีสภาพไม่แตกต่างกัน ส่วนระเบิดที่คนร้ายใช้นั้นทางเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดกำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานว่าเป็นระเบิดชนิดใดและจุดชนวนด้วยอะไร

 เจ้าของห้างลีกาเดนท์ยังไม่สรุปความเสียหาย

           ด้าน นายวันชัย  ลีละศิธร เจ้าของโรงแรมลีการ์เด้นส์พลาซ่า เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้เนื่องจากต้องรอให้เจ้าหน้าที่เคลียร์พื้นที่เสร็จเรียบร้อยก่อน แต่ยืนยันว่าในโซนที่เกิดระเบิดไม่มีการใช้ถังแก๊สตามที่มีข่าวปรากฏออกมาแต่อย่างใด ทั้งห้องครัวร้านอาหารต่างๆล้วนใช้ระบบไฟฟ้าทั้งสิ้น และเจ้าหน้าที่เทศบาลก็ทราบดีเพราะเป็นข้อห้ามในเรื่องของการออกใบอนุญาต  เพราะถังแก๊สต้องอยู่ในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทนำมาวางไว้ชั้นใต้ดินไม่ได้

          ทั้งนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนพร้อมที่จะลุกขึ้นสู้ต่อไป และเร่งปรับปรุงให้กลับมาเปิดบริการโดยเร็วที่สุดหลังสถานการณ์คลี่

         ขณะที่ทางเทศบาลนครหาดใหญ่ ได้นำประกาศมาติดห้ามใช้อาคารโรงแรมลีการ์เด้นท์ พล่าซ่าชั่วคราว จนกว่าการเคลียร์พื้นที่จะแล้วเสร็จ และทางวิศวกรจะเข้าตรวจสอบโครงสร้างอาการที่ถูกไฟไหม้ให้เพื่อยืนยันถึงความปลอดภัย

เครียร์พื้นที่เสร็จ5ชั้น เผยมีรถเยหายกว่า50คัน

            ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากเจ้าหนาที่เร่งกู้ทั้งวันทั้งคืน ในที่สุดเจ้าหน้าที่สามารถเข้าเคลียร์พื้นที่โดยรอบของชั้นได้ดินทั้ง 5 ชั้น ตั้งแต่ชั้นบี1-บี5 เสร็จแล้ว โดยเฉพาะชั้นบี 3 ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายใช้เป็นระเบิดคาร์บอมส์ โดยไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่มติดอยู่ภายในบริเวณชั้นใต้ดินเพิ่มเติม

           ทั้งนี้พบว่ามีซากรถยนต์ที่ถูกเพลิงไหม้อย่างน้อย 50 คัน รวมทั้งรถยนต์ฮอนด้าซีวิค ที่ใช้ประกอบเป็น คาร์บอม ด้วย

เร่งแกะรอยหามือบึ้ม

            ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและกู้ภัยจุดเกิดเหตุแล้วเสร็จบรรยากาศบริเวณถนนคนเดินย่านโรงแรมลีการ์เดนส์พลาซ่านั้นแม้ร้านค้าและร้านอาหารต่างยังเปิดบริการตามปกติแต่เป็นไปด้วยความเงียบเหงา เนื่องจากนักท่องเที่ยวทั้งมาเลเซียและสิงคโปร์ เดินทางกลับหมดแล้ว

            ส่วนความคืบหน้าการสอบสวนคดีลอบวางระเบิดคาร์บอมส์โรงแรมลีการ์เด้นท์พลาซ่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มีรายงานจากชุดสืบสวนของตำรวจภูธรภาค 9 ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่รู้ตัวคนร้ายที่ก่อเหตุขับรถยนต์ฮอนด้าซีวิคที่ใช้ประกอบเป็นคาร์บอมและขับลงไปจอดบริเวณชั้นบี3 ซึ่งเป็นชั้นใต้ดินแล้ว

           โดยผู้ก่อเหตุมีสองคนและหนึ่งในนั้นเจ้าหน้าที่ทราบชื่อแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยทั้งสองคนมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดนของ จ.สงขลา และเป็นระดับแนวร่วมปฏิบัติการ โดยเบาะแสของคนร้ายทั้งสองคนเจ้าหน้าที่แกะรอยจากภาพกล้องวงจรปิดบริเวณโรงแรมลีการ์เด้นพลาซ่า ที่สามารถจับภาพเอาไว้ได้และนำไปเทียบเคียงกับกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่เป็นแนวร่วมในพื้นที่อำเภอชายแดนสงขลา

            โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการขอนุมัติหมายจับและติดตามจับกุมทั้งสองคนรวมถึงขยายผลไปยังกลุ่มแนวร่วมทั้งในพื้นที่อำเภอชายแดนสงขลาและในพื้นที่ 3จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยังคงเคลื่อนไหวก่อเหตุรุนแรงอย่างต่อเนื่อง

สรุปตัวเลขตาย3เจ็บ354คน

            นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชจังหวัดสงขลา เปิดเผยเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2555 เหตุระเบิดคาร์บอมภายในลานจอดรถโรงแรม และห้างลีการ์เด้นส์ พลาซ่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลายอมรับว่าส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดสงขลาอย่างหนัก ทั้งในแง่ของความเสียหายจากทรัพย์สินและมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ไม่สามารถประเมินความเสียหายได

            สำหรับจำนวนผู้เสียชีวิตเท่าที่ตรวจสอบล่าสุดยืนยันที่ 3 ราย โดยเป็นผู้ชาย 2 รายและผู้หญิง 1 ราย ซึ่งในจำนวนที่เป็นผู้ชายนั้นเป็นนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ซึ่งขณะนี้ทุกฝ่ายเร่งดำเนินการตรวจสอบชื่อ-สกุล ที่ชัดเจนอีกครั้ง

           ส่วนผู้บาดเจ็บมีทั้งหมดจำนวน 354 คน รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 140 คน อาการน่าเป็นห่วงอยู่ในห้องไอซียู 28 คน โดยผู้บาดเจ็บกระจายเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 5 แห่ง ประกอบด้วย โรงพยาบาลหาดใหญ่ 37 ราย ,โรงพยาบาลสงขลานคริทร์ 34 ราย ,โรงพยาบาลราษฎร์ยินดี 27 ราย, โรงพยาบาลศิขรินทร์ 23 ราย และ โรงพยาบาลกรุงเทพหาดใหญ่ 19 ราย