Hot Stories
Home   /   Hot Stories  /   นักลงทุนจีนลงภูเก็ตสนใจตะลุยเมกะโปรเจค

นักลงทุนจีนลงภูเก็ตสนใจตะลุยเมกะโปรเจค

 สาลินี ปราบ :รายงาน

                สำนักข่าวอะลามี่ : "หมอบุญ วนาสิน" บิ๊กบอสธุรกิจโรงพยาบาลในธนบุรี  นำผู้บริหาร"ยูไนเต็ดฟอร์สกรุ๊ป" ซึ่งเป็นกลุ่มทุนอันดับ 8 ของประเทศจีน ลงสำรวจพื้นที่บริเวณบ้านท่าฉัตรไชย อ.ถลาง ซึ่งเป็นสถานที่ในการก่อสร้างศูนย์ประชุม และ แสดงนิทรรศการนานาชาติ รวมทั้งยังได้ไปดูพื้นที่และรับทราบข้อมูลการก่อสร้างอุโมงค์ป่าตอง อ.กะทู้ อีกด้วย

                 ด้วยศักยภาพความเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลกของภูเก็ต ส่งผลให้เป็นที่สนใจของผู้คนมากมาย ทั้งที่เข้ามาท่องเที่ยวสัมผัสความเป็นธรรมชาติที่งดงามของหาดทรายชายทะเล ตลอดจนความมีอัธยาศัยน้ำใจไมตรีของคนไทยที่ไม่มีในคนชาติอื่น ๆ และการเข้ามาอยู่อาศัยเพื่อการประกอบอาชีพของคนจากหลายเชื้อชาติและศาสนาไม่ว่าจะเป็นคนไทยด้วยกันเอง หรือ ชาวต่างชาติ

               เมืองเล็กๆ ที่มีเนื้อที่ประมาณ 570 ตารางกิโลเมตร จึงเต็มไปด้วยผู้คน ทั้งที่เป็นคนท้องถิ่นที่มีรายชื่ออยู่ในทะเบียนราษฎรจำนวนประมาณ 3 แสนคนเศษ ประชากรแฝงอีกกว่าเท่าตัว นอกจากนี้ก็ยังมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางข้าออกปีละกว่า 6 ล้านคน ตลอดจนแรงงานต่างด้าวทั้งขึ้นทะเบียนถูกต้องและไม่ได้ขึ้นทะเบียนอีกเป็นจำนวนมาก

             จากการเติบโตอย่างรวดเร็วของเมืองส่งผลให้การพัฒนาทางด้านโครงการพื้นฐานต่างๆ ไม่ทันกับความต้องการ โดยเฉพาะเรื่องของระบบขนส่งมวลขนาดใหญ่ ถนนหนทางต่างๆ ระบบไฟฟ้า น้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภค การกำจัดขยะมูลฝอย และอื่นๆ กระทบต่อภาพลักษณ์ของเมืองท่องเที่ยวได้ในระดับหนึ่ง และจากปัญหาดังกล่าวจึงทำให้ภูเก็ตเป็นที่สนใจของนักลงทุนเป็นอย่างมากในการที่จะเข้ามาลงทุนโครงการขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เม็ดเงินจำนวนมาก เช่น รถไฟฟ้า อุโมงค์ เป็นต้น ในขณะที่รัฐบาลท้องถิ่นจะต้องอาศัยงบประมาณจากรัฐบาลกลาง แต่เป็นเรื่องที่ค่อนยากเพราะงบประมาณที่จำกัด และจะต้องกระจายการพัฒนาไปยังพื้นที่อื่นๆด้วย

                ล่าสุด นพ.บุญ วนาสิน ประธานบริหารกลุ่มบริษัทในเครือโรงพยาบาลธนบุรี จำกัด และ อดีตที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) นำ นายฉาย ฉ่าวจุ้น (ZHAI SHAO JUN) ประธานบอร์ดบริษัท ยูไนเต็ดฟอร์สกรุ๊ป (United Forces Group) ซึ่งเป็นกลุ่มทุนอันดับ 8 ของประเทศจีน พร้อมคณะลงสำพื้นที่บริเวณบ้านท่าฉัตรไชย อ.ถลาง ซึ่งเป็นสถานที่ในการก่อสร้างศูนย์ประชุม และแสดงนิทรรศการนานาชาติ รวมทั้งยังได้ไปดูพื้นที่และรับทราบข้อมูลการก่อสร้างอุโมงค์ป่าตอง อ.กะทู้ อีกด้วย

                 นพ.บุญ กล่าวว่า นักลงทุนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มทุนขนาดใหญ่อันดับ 8 ของประเทศจีน และที่ผ่านมาได้มีการลงทุนร่วมกับทางกลุ่มบริษัทโรงพยาบาลธนบุรีอยู่แล้ว เพื่อให้มาสัมผัสและรับทราบถึงศักยภาพความพร้อมด้านการลงทุนของจังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะเรื่องของโครงสร้างฐานขนาดใหญ่ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า อุโมงค์ป่าตอง เป็นต้น นอกจากภูเก็ตแล้วยังมีโครงการลงทุนในเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ ที่มีศักยภาพสูง ไม่ว่าจะเป็น เกาะสะมุย จ.สุราษฎร์ธานี  พัทยาและชลบุรี

                   “ที่ผ่านมาการลงทุนของกลุ่มนี้จะเป็นโครงการขนาดใหญ่มาก แต่ก็พยายามโน้มน้าวและทำความเข้าใจในการให้มาลงทุนในโครงการที่อาจจะไม่ใหญ่นัก และบางโครงการก็อาจจะต้องใช้เวลาในการคืนทุนนานและทำกำไรน้อย เช่น อุโมงค์ป่าตอง จากผลการศึกษาพบว่าต้องใช้เวลาคืนทุนถึง 17 ปี เป็นต้น แต่มองว่าเมื่อมีกำไรในส่วนอื่นแล้วก็น่าจะมีการทำโครงการที่สามารถตอบแทนให้กับสังคมบ้าง โดยออาจจะเป็นโครงการที่ร่วมทุนกับท้องถิ่น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตัดสินใจ”

                  นพ.บุญ ยังกล่าวอีกด้วยว่า ส่วนตัวมองว่าภูเก็ตเป็นเมืองที่ยังมีศักยภาพและสามารถสร้างรายได้ให้กับพื้นที่และประเทศอีกจำนวนมาก แต่ที่ผ่านมายังไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควรและขาดการพัฒนาในทิศทางที่ดี แนวทางหนึ่งที่จะทำให้สามารถดูแลและสามารถพัฒนาตัวเองได้เป็นอย่างดี นั่นคือจะต้องให้ภูเก็ตได้ปกครองตัวเอง เพื่อจะได้สามารถจัดเก็บรายได้มาใช้ในการพัฒนาตัวเองโดยไม่ต้องรองบประมาณจากส่วนกลาง

                ซึ่งในความเป็นจริงน่าจะทำมานานแล้วและเห็นด้วยที่จะให้มีการสร้างคาสิโน เนื่องจากเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้มหาศาล และกลุ่มที่มาใช้บริการก็จะเป็นกลุ่มที่มีเงินมาก เพียงเราต้องมาวางกรอบกติกาหรือออกกฎหมายมาเพื่อป้องกันไม่ให้คนที่มีรายได้น้อยเข้าไปใช้บริการ เหมือนกับหลายๆ ประเทศ เช่น มาเก๋า ลาสเวกัส เป็นต้น

                นอกจากนี้ นพ.บุญ ยังได้แสดงความคิดเห็นด้วยว่า ได้รับทราบข้อมูลว่ามีพื้นที่บริเวณใกล้กับสถานที่ก่อสร้างศูนย์ประชุมฯ ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐอยู่จำนวนหนึ่ง มองเห็นว่าน่าจะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยให้เอกชนเช่า เพื่อทำการลงทุนเป็นสวนสนุกขนาดใหญ่ที่ได้มาตรฐานเหมือนกับประเทศสิงคโปร์ เพื่อรองรับตลาดครอบครัว หรือการลงทุนอื่นๆ ที่เหมาะสม ไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งอาจจะมีการลงทุนด้านที่พักเพิ่มเติม เพราะหากศูนย์ประชุมฯ แล้วเสร็จและเปิดให้บริการ จำนวนห้องพักปัจจุบันที่มีอยู่ในบริเวณดังกล่าวไม่น่าจะเพียงพอ และการที่จะต้องเดินทางมาจากฝั่งตอนใต้ของเกาะก็ค่อนข้างลำบากและต้องใช้เวลานาน ซึ่งไม่เหมาะ เพราะยังไม่มีระบบขนส่งมวลชนที่เหมาะสมมาให้บริการประชาชน เช่น รถไฟฟ้า เป็นต้น

                “เมื่อมีรายได้เกิดขึ้นจากการให้เช่าพื้นที่ของรัฐแล้ว ก็จะสามารถนำเม็ดเงินไปใช้ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ หากไม่พอก็อาจจะใช้แนวทางการร่วมทุนของท้องถิ่นกับเอกชน โดยไม่ต้องรอของงบประมาณจากรัฐบาลกลาง ซึ่งเรื่องดังกล่าวนั้นจะต้องคิดนอกกรอบมาก เพื่อจะทำให้การพัฒนาเดินหน้าไปได้ และจะเป็นการเสริมศักยภาพที่มีอยู่ให้ดียิ่งๆ ขึ้น”

                  นพ.บุญ ยังกล่าวด้วยว่า นอกจากในเรื่องของการลงทุนด้านอุโมงค์ป่าตอง หรือการสร้างสวนสนุกขนาดใหญ่บริเวณใกล้กับที่ก่อสร้างศูนย์ประชุมฯ โดยการปล่อยเช่าพื้นที่ของรัฐแล้ว มองว่าในเรื่องของระบบขนส่งมวลชน ซึ่งอาจจะเป็นรถไฟฟ้าหรืออื่นๆ ตามความเหมาะสม จากในตัวเมืองไปยังสนามบินหรือไปยังศูนย์ประชุมฯก็มีความจำเป็น เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเดินทาง โดยอาจจะต้องลงทุนเส้นทางใดเส้นทางหนึ่งที่มีความจำเป็นก่อน

               จากนั้นจึงค่อยขยายไปยังเส้นทางอื่นๆ ตามความเหมาะสม ทราบว่ามีการศึกษาข้อมูลไว้แล้ว และมีนักลงทุนสนใจที่จะเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก ก็ต้องพยายามช่วยผลักดันกันต่อไป