Hot Stories
Home   /   Hot Stories  /   ซี.พี.ผุดโครงการไก่ไข่ครบวงจรในจีนมูลค่ากว่า 3,600 ล.บาท

ซี.พี.สยายปีกในจีนผุดโรงไก่ไข่ครบวงจรมูลค่ากว่า 3.6พันล้านบาท   

              สำนักข่าวอะลามี่:  ซี.พี.สยายปีกธุรกิจในจีนล่าสุดเข้าร่วมพัฒนากว่า 10 โครงการนำร่องแห่งแรก ที่ นครปักกิ่ง ประเทศจีน สร้างโครงการไก่ไข่ครบวงจรขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย มูลค่ากว่า 3,600 ล้านบาท   "ดร. สารสิน  วีระผล  รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์"ชี้ทิศทางการพัฒนาการเกษตรของโลก กำลังก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อรองรับอนาคตที่เปลี่ยนแปลงไป

               เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2555  ที่ผ่านมา เครือเจริญโภคภัณฑ์  จัดกิจธุรกรรมผู้บริหารพบสื่อมวลชน  “ มุมธุรกิจกับซี.พี.” หัวข้อ “เกษตรใหม่ในจีน”  เพื่อเปิดโลกทัศน์ให้ เห็นถึงทิศทางการพัฒนาภาคเกษตรของโลกจากกรณีศึกษาประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ ห้องประชุมชั้น 30 อาคาร ซี.พ. ทาวเวอร์ สีลม

               ดร. สารสิน  วีระผล  รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยว่า ทิศทางการพัฒนาการเกษตรของโลก กำลังก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อรองรับอนาคตที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งทุกประเทศทั่วโลก จะต้องกำหนดวิสัยทัศน์ ใหม่ในการพัฒนาภาคเกษตร โดยคำนึงถึงความมั่นคงทางอาหาร ข้อจำกัดและปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม  และการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ 

              สำหรับอิทธิพลสำคัญ ที่นำไปสู่การปรับวิสัยทัศน์ใหม่ในการพัฒนาภาคเกษตรของประเทศทั่วโลก  ประการแรกคือ ความมั่นคงทางอาหาร  ทั้งนี้เพราะในอีก 38 ปีข้างหน้า ประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 47% หรือเพิ่มขึ้นเป็น 9,000ล้านคน  โลกจะต้องผลิตอาหารเพิ่มขึ้นถึง 60%

              ประการที่สอง ข้อจำกัดพื้นฐานในการทำการเกษตรมีมากข้น  ได้แก่  การใช้น้ำมีปัญหามากขึ้น ที่ดินทำการเกษตรน้อยลง เพราะการขยายตัวของเมือง  แรงงานในการทำเกษตรน้อยลง รวมไปถึงปัญหาโลกร้อน และสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป 

             ดร. สารสิน  กล่าวอีกว่า ด้วยเหตุนี้สิ่งท้าทายสำคัญของภาคเกษตรคือ การเพาะปลูกและการเลี้ยงสัตว์ในสิ่งแวดล้อมที่ควบคุมได้ซึ่งจะต้องมีการให้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อเพิ่มผลผลิตควบคู่ไปกับการประหยัดการใช้ทรัพยากร  ใช้คนจำนวนน้อยในการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์  รวมถึงการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพสูงตั้งแต่กระบวนการผลิตไปจนถึงการขนส่งและการตลาด 

            “ จากข้อพิจาณาที่กล่าวไว้ในข้างต้น ประกอบกับวิถีชีวิตของมนุษย์ได้เปลี่ยนแปลงไปตามเศรษฐกิจและสังคม  การเกษตร (การเพาะปลูกและการเลี้ยงสัตว์) ใน 10 ปีข้างหน้า จึงมีความหมายสำคัญ เกษตรในอนาคตต้องมีนวัตกรรม ต้องใช้เทคโนโลยี ทุน การตลาด และการบริหารจัดการที่ทันสมัย  “ดร. สารสิน   กล่าว

               นอกจากนี้ สิ่งสำคัญกว่านั้น ภาครัฐ เอกชน องค์กรที่เกี่ยวข้อง และเกษตรกร จำเป็นต้องร่วมมือกันบูรรการ” เกษตรใหม่” กระบวนการ ตั้งแต่ทุน เทคโนโลยี การจัดการ และการตลาด  ตลอดจนกฏหมาย กฏระเบียบ และการจัดสรรสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน   เครือเจิรญโภคภัณฑ์มีบทบาทในการพัฒนาเกษตร และอุตสาหกรรมอาหารในเกือบทุกประเทศในอาเซี่ยนเป็นเวลานาน 

               ทั้งนี้ อาเซี่ยนกำลังพัฒนาความเป็นประชาคมภายใต้ 3 เสาหลัก ความร่วมมือทางการเมือง สังคมและวัฒนธรรม  และเศรษฐกิจ ซึ่งเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารของอาเซี่ยนมีศักยภาพในการส่งเสริมเป้าหมายในการเป็นประชาคมอาเซี่ยน และยังมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงกับเอเชียใต้(ปากีสถาน อินเดีย บังคลาเทศ ฯลฯ) และเอเชียตะวันออก จีน ญี่ปุ่น ฯลฯ) จะทำให้อาเซี่ยน มีศักยภาพกลายเป็นศูนย์กลางสำคัญด้านการเกษตรและอาหารของโลก        

                 นายวะรัตน์  ศรีฟ้า รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)  ในฐานะที่ปรึกษาโครงการไก่ไข่ 3ล้านตัว ผิงกู่-เครือเจริญโภคภัณฑ์  เปิดเผยว่า จากปัญหาด้านความมั่นคงทางอาหาร วิกฤตอาหารปลอดภัยที่ได้สร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงประเทศจีนสูงมาก  รัฐบาลจีนจึง ออกนโยบายโครงการเกษตรกรรมแนวใหม่  เพื่อผลิตอาหารปลอดภัย และสร้างอาชีพมั่นคง  เชิญชวนผู้สนจำเสนอโครงการด้านการเกษตรต่าง ๆ รัฐเปิดกว้างให้การสนับสนุนทั้งปัจจัยการผลิต  และกฎระเบียบต่างๆ กล่าวได้ว่าเป็นการพลิกมิติในการพัฒนาอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน  

                " โครงการไก่ไข่  3  ล้านตัวผิงกู่-เครือเจริญโภคภัณฑ์  เป็นโครงการเกษตรกรรมทันสมัยแห่งแรก ที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้ดำเนการร่วมกับรัฐบาลจีนโดยใช้โมเดล”สี่ประสาน” (Four in one)ผนึกกำลังความร่วมมือระหว่างผู้เกี่ยวข้อง 4 ฝ่าย ได้แก่ รัฐบาล เกษตรกร  บริษัทเอกชน และ ธนาคาร  สร้างโครงการไก่ไข่ครบวงจรที่ทันสมัยที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย  บนที่ดิน 324 ไร ณ หมู่บ้านซีฟานเกอจวง(Xifan Gezhuang) ตำบลยูโค (Yukou) เขตผิงกู่ นครปักกิ่ง เป็นมูลค่าการลงทุนรวม 720 ล้านหยวน หรือประมาณ 3,600 ล้านบาท "

                 นายวะรัตน์  กล่าวอีกว่าสำหรับโครงการดังกล่าว เกษตรกรจีนได้รับประโยชน์จากการดำเนินโครงการนี้ถึง 1,900 ครอบครัว  หรือ ประประมาณ  6,000 คน ปัจจุบันก่อสร้าง เสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยไข่ไก่รุ่นแรก จะผลิตออกสู่ตลาดในเดือนตุลาคม 2555 นี้  ภายในโครงการคบวงจรประกอบไปด้วยโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่ระบบปิด จำนวน 18 หลังสามารถ เลี้ยงไก่ได้ 3 ล้านตัว มีโรงผลิตอาหารสัตว์ และ โรงงานแปรรูปไข่ ฯลฯ กระบวนการผลิตเกือบจะทั้งหมดควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์  กล่าวได้ว่าเป็นโครงการมีขนาดการใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของเอเชียและเป็นอันอับสองของโลก และนับเป็นการก่อสร้างขนาดใหญ่ที่สุดและเป็นรายแรกของโลก