เปิด!จม.'เสริมสุข'ถึงร้านค้าหลังปิดฉาก'เป๊ปซี่'

             สำนักข่าวอะลามี่: เปิดจดหมาย”เสริมสุข” ส่ง “เอส โคล่า”ถึงร้านค้า หลังตัดสัมพันธ์เป๊ปซี่ มายาวนาน 50ปีจนดันขึ้นอันดับหนึ่งน้ำอัดลมมูลค่า 3.8 หมื่นล้าน

             นับถอยหลังเที่ยงคืนวันที่ 1 พฤศจิกายน นี้เปลี่ยนผ่านเข้าสู่เช้าวันที่2 พฤศจิกายน 2555 เป็นนาทีสิ้นสุดสัญญาระหว่างเป๊ปซี่ และเสริมสุข หลังจากเป็นพันธมิตรกันมานานกว่า 50 ปี โดยเสริมสุขเป็นผู้ผลิตและช่องทางจำหน่ายให้เป๊ปซี่ จนเป๊ปซี่มีส่วนแบ่งอันดับ 1 ของตลาดน้ำอัดลมมูลค่ากว่า 38,000 ล้านบาทในปัจจุบัน

              ทั้งนี้ในจดหมายดังกล่าว สรุปได้ว่า...

              การสิ้นสุดสัญญาหมายถึงตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ เสริมสุขจะหมดสิทธิใช้ทุกอย่างที่เป็นลิขสิทธิ์แบรนด์ของเป๊ปซี่ ทำให้ขวดแก้ว ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่ใช้โลโก้แบรนด์เป๊ปซี่จะถูกเก็บ และห้ามจำหน่าย ขณะเดียวกันเสริมสุขจะส่งแบรนด์ของตัวเองลงมาในตลาด นั่นคือ “เอส”

             จากการสำรวจร้านค้าย่อย หรือร้านโชห่วยตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 30 ตุลาคม เจ้าของร้านหลายแห่งเล่าว่าเสริมสุขแจ้งมาแล้วว่าจะมาส่งน้ำดำแบรนด์ “เอส โคล่า”มาวันที่ 2 พฤศจิกายนนี้ และ 2-3 วันที่ผ่านมา เจ้าของร้านค้ายี่ปั๊ว และร้านค้าย่อยบางแห่งได้รับจดหมายแจ้งจากบริษัทเสริมสุข ที่ระบุว่าจะส่งเครื่องดื่มน้ำอัดลมใหม่มาในวันที่ 2 พฤศจิกายนนี้ โดยยังไม่ระบุชื่อแบรนด์

                จากจดหมายของเสริมสุขนี้นอกจากแจ้งความเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจการสิ้นสุดสัญญากับเป๊ปซี่ เห็นได้ชัดว่ามีข้อความทางการตลาดที่ทำให้เห็นถึงการวางตำแหน่งทางการตลาดของ “เอส โคล่า” ว่าเป็น”เครื่องดื่มน้ำอัดลมคุณภาพสูง มาตรฐานสากล” พร้อมระบุจุดขายเรื่องรสชาติว่าตอบโจทย์ความต้องการของคนไทย ราคา และบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม ซึ่งเสริมสุขได้ให้ความมั่นใจกับร้านค้าว่าได้สำรวจความคิดเห็นของลูกค้าแล้ว พบว่าลูกค้าชอบรสชาติ และพร้อมซื้อ
นอกจากนี้ในจดหมายยังระบุถึงความพร้อมสำหรับแบรนด์ใหม่ว่ามีพนักงานที่ชำนาญกว่า 8,000 คน โรงงานผลิต 5 แห่ง และสำนักงานย่อยอีก 50 แห่ง

                นี่คือข้อความทางการตลาดที่ที่เสริมสุขต้องการบอกคือทำตลาด “เอส โคล่า” โดยใช้จุดแข็งเรื่องรสชาติ ราคา และความแข็งแรงของช่องทางการจำหน่าย

                 สำหรับแผนการเก็บขวดแก้วเป๊ปซี่ที่อยู่ในร้านนั้น เจ้าหน้าที่เสริมสุขแจ้งว่าจะมาเก็บขวดเก่าที่มี โลโก้เป๊ปซี่ และนำขวด “เอส โคล่า” มาแลกแทน ซึ่งร้านค้าส่วนใหญ่ บอกว่าไม่ว่าจะยี่ห้ออะไรมาก็ขาย แต่จะขายดีหรือเปล่าก็ขึ้นอยู่กับรสชาติ

 ที่มา: : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์