The Alami Report
Home   /   The Alami Report  /   เมาลิดกลาง 1437

เมาลิดกลาง 1437

เชิดชูนบี : ผู้รังสรรค์สังคมพหุวัฒนธรรม

+++++++++++++++++++++++++++

           เมาลิดกลาง 1437 จัดยิ่งใหญ่ ! รำลึกศาสนทูตมูฮัมหมัด(ซ.ล.) ผู้นำสังคมพหุวัฒนธรรม แบบอย่างการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ

            งานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทย งานสำคัญของมุสลิมทั่วประเทศ ปี 1437 ได้จัดอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการรำลึกถึงศาสนทูตมูฮัมหมัด(ซ.ล.) ผู้รังสรรค์สังคมพหุวัฒนธรรม และร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสครองราชย์ครอบ 70 ปี มีกิจกรรมมากมายของมุสลิมไทยและต่างประเทศ 

            รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ประธานคณะกรรมการจัดงานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การจัดงานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทย ฮ.ศ.1437 จัดอย่างยิ่งใหญ่ ภายใต้คอนเซปต์ศาสดาผู้นำการพัฒนาฮาลาล ผู้รังสรรค์สังคมพหุวัฒนธรรม  ”ร่วมเฉลิมฉลองรำลึกศาสนทูตมูฮัมหมัด(ซ.ล.) และเฉลิมพระเกียรติ “ในหลวง” ครองราชย์ครบ 70 ปี โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เสด็จฯ เป็นองค์ประธานเปิดงาน

           “ ปีที่แล้วได้นำเสนอความเป็นนักวิทยาศาสตร์ของศาสนทูตมูฮัมหมัด(ซล.) ประสบความสำเร็จ เป็นอย่างดี ด้วยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ปีนี้กำหนดคอนเซปต์ของการจัดงานว่า “ ศาสดาผู้นำการพัฒนาฮาลาล ผู้รังสรรค์สังคมพหุวัฒนธรรม” ร่วมเฉลิมฉลองรำลึกศาสนทูตมูฮัมหมัด (ซ.ล.)” รศ.ดร.วินัย กล่าวและว่า

           สำหรับคำว่า เมาลิด มาจากภาษาอาหรับ หมายถึงวันเกิด หรือ วันประสูติ โดยการจัดงานเมาลิดของมุสลิมนั้น หมายถึงการจัดงานเฉลิมฉลอง และรำลึกถึงท่านศาสนทูตมูฮัมหมัด(ซล.) ผู้เป็นศาสดาแห่งศาสนาอิสลาม ซึ่งมีการจัดกันทั่วโลก สำหรับงานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทยนั้น จัดโดยคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ร่วมกับองค์กรภาครัฐ องค์กรการกุศล และองค์กรเอกชน ซึ่งจัดเป็นประจำทุกปี

            “ท่านศาสดามีความเป็นผู้นำในหลายด้าน แต่ในมุมพหุวัฒนธรรมกลับเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีการพูดถึง กอปรกับภาวะปัจจุบันที่สังคมต้องการความสมัครสมานสามัคคี จึงนำมาสู่รูปแบบการจัดงาน การรังสรรค์สังคมพหุวัฒนธรรม”

          รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ในสมัยรอซูลลุลเลาะห์ อันมีเมืองมาดีนะห์ เป็นศูนย์กลางแห่งอาณาจักรอิสลาม มีทุกศาสนิกชนอาศัยอยู่ร่วมกัน ไม่ว่า คริสต์ ยูดาย โซโรเอสเตอร์ มุสลิม และศาสนาอื่นๆ พวกเขาอยู่กันอย่างสงบสุข ภายใต้การปกครองของท่านศาสดามูฮัมหมัด (ซล.) ซึ่งท่าน ได้ให้แนวทางแก่มุสลิมในการอยู่ร่วมกันในสังคมที่เป็นพหุวัฒนธรรมไว้มากมาย ท่านกล่าวว่า ...ในฐานะมนุษย์แล้วคนดีที่สุดคือ คนที่ทำดีต่อผู้อื่นมากที่สุด..

           “ ท่านจึงเป็นมหาบุรุษแห่งพหุวัฒนธรรมอย่างแท้จริง ” รศ.ดร.วินัย กล่าวและว่า

          “เพื่อให้ความสำคัญกับสังคมพหุวัฒนธรรม ในงานเมาลิดกลางปีนี้จึงได้นิมนต์เจ้าอาวาสจาก 6 วัด ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามเฉลิมพระเกียรติคลองเก้า เขตหนองจอก กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน รวมทั้งจะเรียนเชิญผู้นำศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่นๆ มาร่วมงาน อันเป็นการฉายภาพของการอยู่ร่วมกันของสังคมพหุวัฒนธรรม ซึ่งเป็นแบบฉบับของท่านศาสดา ที่มุสลิมต้องปฏิบัติตาม “

           " ศาสดาสั่งให้เราดูแลเพื่อนบ้านนั้น ท่านไม่ได้ระบุว่าให้เราต้องดูแลเฉพาะมุสลิมเท่านั้น แต่ให้เราดูแลเพื่อนบ้านทุกคน ดร.วินัย กล่าว

           ที่สำคัญและพิเศษยิ่งสำหรับงานเมาลิดในปีนี้ ยังจัดงานเฉลิมฉลอง 70 ปี การครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยอีกด้วย

          “ พระองค์ท่านทรงเป็นองค์อัครศาสนูปถัมภก ที่ทรงดูแลชาวไทยมุสลิม ให้อยู่อย่างร่มเย็นภายใต้พระบรมโพธิสมภาร ซึ่งปีนี้นับเป็นปีมหามงคลพิเศษยิ่ง ที่พระองค์ทรงเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี ดังนั้นงานเมาลิดปีนี้ จึงเป็นงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในคราเดียวกัน เพื่อเปิดโอกาสให้ชาวไทยมุสลิม ได้แสดงความจงรักภักดี ความกตัญญูกตเวที และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์” ดร.วินัย กล่าว

          สำหรับในปีนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ แทนพระองค์เพื่อเปิดงาน จึงขอเชิญชาวไทยมุสลิมและประชาชนทั่วไปร่วมรับเสด็จโดยพร้อมเพรียงกัน ในวันเสาร์ที่ 30 เมษายน 2559 เวลา 16.00 น. ณ ศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามเฉลิมพระเกียรติ คลองเก้า เขตหนองจอก กรุงเทพฯ

           โดยงานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทย ฮ.ศ.1437 ปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 เมษายน – 2 พฤษภาคม 2559 เป็นเวลา 3 วัน ณ ศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามเฉลิมพระเกียรติ คลองเก้า เขตหนองจอก กรุงเทพฯ ภายในงานประกอบไปด้วย ส่วนของนิทรรศการ การสัมมนา การแสดงสินค้าฮาลาลเอ็กซ์โป และอื่นๆ

          “ อยากเชิญชวนพี่น้องมุสลิมมาร่วมแสดงความยินดีกันมากๆ เพราะเป็นงานที่จะนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดของมุสลิม ให้คนต่างวัฒนธรรม ต่างศาสนิกได้รับรู้ เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ” รศ.ดร.วินัย กล่าว