Hot Stories
Home   /   Hot Stories  /   สถาปนา"เบอร์ซาตุู"วันเดียว102จุดทั่วชายแดนใต้

 สถาปนา'เบอร์ซาตู'ป่วน102จุดทั่ว3จังหวัดชายแดนใต้

                   สำนักข่าวอะลามี่: กลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้ ระดมกำลังติดธงชาติมาเลเซีย ทั่ว3จังหวัด หวังป่วนในพื้นที่ ฝ่ายข่าวชี้เป็นการสร้างสถานการณ์รับวันสถาปนา”เบอร์ซาตู”

                      ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอะลามี่ สำรวจสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนใต้ตลอดทั้งวันตั้งแต่เช้าตรู่ของวันที่31สิงหาคม 2555ที่ผ่านมา โดยตั้งแต่เวลาประมาณ 06.00 น. เกิดเหตุมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนนำวัตถุต้องสงสัย มีธงชาติมาเลเซีย และ ติดป้ายผ้าเย้ยยั่น การทำงานของชุด E-O-D  ในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา หลายจุด

                     อาทิเช่น บริเวณสะพานลอยหน้า โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ ถนนสิโรรส ย่านตลาดเก่า บริเวณสะพานลอยทางหลวงสาย 418 และ บริเวณใต้สะพานลอย บริเวณถนนสาย 15 บ้านสะเตง ถนนสายยะลา-โต๊ะปาเก๊ะ ย่านชุมชนตลาดเก่า และ บ้านบูเกะคละ หมู่ที่ 6 ต.บุดี

                   ต่อมา พ.ต.อ.นรินทร์ บูสะมัญ ผกก.พ.ต.ท.สนธยา ธูปทอง รอง ผกก.พ.ต.ท.จรัส ชิณนะพงศ์ รอง ผกก.สส.จัดกำลังกระจายกันไปตรวจสอบพร้อมประสานชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด ชุด EOD ทั้ง ตำรวจ ตชด.และ ทหารร่วมพิสูจน์ พบว่าแต่ละแห่งมีกล่องต้องสงสัยพันเทปดำ บางแห่งเป็นกระป๋องโดยเฉพาะที่หน้า โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ มีถึงจำนวน 30 ใบ

                 จากการตรวจสอบแล้วไม่พบวัตถุอันตรายแต่อย่างใด ภายในบรรจุกรวดทราย ส่วนที่สะพานลอยทางหลวงสาย 418 นอกจากมีกล่องพันเทปดำวางไว้ให้ดูน่าเกรงกลัวแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบผืนผ้าจำนวนหลายผืนวางพาดไว้บนราวสะพาน แต่ละผืนเขียนตัวอักษรสีแดงข้อความท้าทาย และ เย้ยยั่นการปฏิบัติงานของ ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด EOD ที่ปฏิบัติหน้าที่รับผิดชอบในพื้นที่ จ.ยะลา

                 โดยข้อความระบุว่า  เดินดีๆ ดึงดีๆ เดี่ยวเจอดี  ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ใต้ถนน...? ใครมาก่อนได้ก่อน ลด แลก แจก แถม แขนขาเทียมมีเป็นเบือแต่ของแท้ ...? ลืมพี่นภดลแล้ว หรือ 1+1 = 2 2+2 = 2 และ EOD ตัวไหนจะขึ้น C130 ฟรี เตรียมตัวขึ้น 9 ชั้นยศได้เลย เมียใครจะเป็นหม้ายรายต่อไป กี่รายที่พวกมึงกลายเป็นวีรบุรุษ ที่ถูกนายลืม และ ยินดีต้อนรับหน่วยเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด EOD บอมสูทของแท้หรือเปล่า? นายคงไม่หลอกนะ GT 200 ไม่อยู่แล้วมีอะไรให้พึ่งละเนี้ย อยากกลองกึ๋น EOD

                 นอกจากนั้นมี รายงานว่า ที่บ้านเงาะกาโป หมู่ที่ 3 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา บนทางหลวงสาย 410(ยะลา-เบตง) พ.ต.อ.เจริญ ธรรมขันธ์ ผกก.สภ.บันนังสตา นำกำลังไปตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย เป็นถังแก๊สปิกนิกวางไว้บริเวณหน้ากำแพงมูลนิธิอีราหะหมัด หน่วยกู้ภัยเอกชน ปรากฏว่า ก่อนถึงพบตะปูเรือใบของพวกคนร้ายโปรยไว้ตลอดทาง ทำให้รถยนต์ชาวบ้านได้รับความเสียหายหลายคัน

                 เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับชาวบ้านช่วยกันกวาดเก็บรวบรวมไว้ได้น้ำหนักราว 2 กิโลกรัม เมื่อตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยพบว่าภายในไม่มีวัตถุอันตรายแต่อย่างใด

                นอกจากนี้ในท้องที่ อ.ยะหา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งพบวัตถุต้องสงสัยวางไว้พร้อมธงชาติมาเลเซีย และ ข้อความเขียนโจมตีท้าทายเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด รวม 3 จุด มีบ้านพงลูกา หมู่ที่ 3 ต.ยะหา บ้านกาโต๊ะ หมู่ 7 ต.ปะแต และหน้าโรงพยาบาลพระยุพราชยะหา ทางหลวงสาย 4070(ยะหา-กาบัง)

               เมื่อตรวจสอบแล้วไม่พบสิ่งแปลกปลอมหรือวัตถุอันตรายใด ๆ ส่วนในพื้นที่ อ.รามัน และ อ.กรงปินัง ก็มีการก่อเหตุในรูปแบบเดียวกันเกิดขึ้น ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวมีเกิดขึ้นกว่า 30 จุด ทั้งหมดของ จ.ยะลา

ปัตตานีชูธงมาเลย์เกลื่อน  

               ผู้สื่อข่าวอะลามี่ รายงานจากจังหวัดปัตตานีว่า มีแนวร่วม ขบวนการผู้ก่อความไม่สงบ ได้รวมตัวกัน กระจายกำลังก่อเหตุป่วนโดยนำธงชาติประเทศมาเลเซียผูกกับเชือกและของมีน้ำหนักแขวนวางไว้บนต้นไม้  วางบนพื้นถนน วางบนสะพานลอย  เสาไฟฟ้าริมถนนบนเส้นทางสาย 42 ปัตตานี-โคกโพธิ์เชื่อมต่อ อำเภอเทพา จ.สงขลา และสายนาเกตุ-ยะลา  และสายปัตตานี-นราธิวาส รวมทั้งภายในเขตเทศบาล รวมทั้งเขตอำเภอเมืองปัตตานีประมาณ 50 กว่าจุด

               พร้อมทั้งวางวัตถุต้องสงสัยเป็นกล่องหลายจุด ซึ่งแต่ละจุดกล่องมีหลายขนาด พันด้วยสก็อตเทปสีดำ ทำให้เกิดความไม่สะดวกในการเดินทางสัญจรไปมารวมทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง  รวมทั้งชุดเก็บกู้วัตภุระเบิด นปพ.ปัตตานี ต้องเข้าดำเนินการตรวจสอบ แต่ก็ไม่สามารถตรวจสอบได้ทั้งหมดเนื่องจากมีหลายจุด

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พื้นที่จังหวัดปัตตานี  ในช่วง 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ไม่ปรากฏเหตุการณ์รุนแรง และ ข่าวทางด้านความมั่นคง ก็ไม่ปรากฏข่าวว่า จะมีการก่อกวนสร้างสถานการณ์ลักษณะอย่างนี้ในพื้นที่สร้างความสงสัยหลายฝ่าย  ประกอบกับ การสร้างสถานการณ์ครั้งนี้ เป็นการนำธงชาติมาเลเซีย มาตั้งไว้ที่เกิดเหตุ และประกอบกับ วันนี้เป็นวันชาติของมาเลเซีย  ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่บางส่วนยังไม่ปักใจกับสถานการณ์ครั้งนี้ว่าเป็นกลุ่มใด

ตำรวจปัตตานีเร่งตรวจสอบที่มาของธงมาเลย์

               พล.ต.ต.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐ์พันธ์ ผบก.ภ.จ.ปัตตานี เปิดเผยว่า ให้พนักงานสอบสวนนำหลักฐานที่เกิดเหตุมาตรวจสอบลายนิ้วมือ พร้อมทั้งนำลายนิ้วมือและดีเอ็นเอ ไปตรวจสอบรายชื่อในสารบบว่า ตรงกับใครบ้าง พร้อมทั้งให้ทุกพื้นที่ตรวจสอบสอบจากกล้องวงจรปิดด้วย เบื้องต้นเชื่อว่าน่าจะเป็นแนวร่วม ที่เป็นเยาวชน ของกล่มอาร์เคเค ที่อยู่ในพื้นที่นั้นๆ ที่ก่อเหตุดังกล่าว เพื่อก่อกวนให้เกดความวุ่นวายในพื้นที่

              ส่วนธงนั้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบตามร้านค้าต่างๆ ในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง ว่ามีการซื้อร้านไหนบ้าง เพื่อตรวจสอบรูปพรรณสัณฐานของคนร้าย  ซึ่งเชื่อว่าส่วนหนึ่งซื้อในพื้นที่  เนื่องจากปัจจุบัน ธงของชาติเอเซีย มีจำหน่ายหลายร้าน เพราะเป็นช่วงประชาคมอาเซี่ยน

นราธิวาสป่วนกว่า40จุด 

                 เมื่อเวลา 03.00 น. ถึงเวลา 05.00 น.วันเดียวกัน(31 ส.ค. 55) สมาชิกกองกำลังติดอาวุธ RKK ในพื้นที่ทั้ง 12 อำเภอ จำนวนกว่า 50 คน ได้วางแผนนัดแนะกระจายกำลังนำวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดและนำธงชาติประเทศมาเลเซียเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่ม ไปปักไว้บริเวณเสาไฟฟ้ารวมทั้งต้นไม้ริมถนนในเส้นทางสายหลักและสายรองเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาก่อตั้งขบวนการแนวร่วมเพื่อเอกราชปัตตานี หรือ กลุ่มเบอร์ซาตู ซึ่งตรงกับวันที่ 31 ส.ค.

                 ซึ่งกลุ่มเบอร์ซาตูใช้สัญลักษณ์เป็นธงชาติประเทศมาเลเซีย โดยทั้ง 43 จุด ในพื้นที่ 12 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอยี่งอ 3 จุด ตากใบ 3 จุด ศรีสาคร 10 จุด สุไหงโก-ลก 1 จุด รือเสาะ 5 จุด บาเจาะ 2 จุด จะแนะ 1 จุด เมือง 5 จุด สุไหงปาดี 4 จุด เจาะไอร้อง 1 จุด ระแงะ 5 จุด และอำเภอแว้ง 2 จุด       

                 ด้าน พ.ต.อ.กฤษฎา แก้วจันทร์ดี รอง ผบก.จ.นราธิวาส พ.ต.ท.กระจ่าง รักษ์ณรงค์ หน.กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส ร.ต.ต.แชน วรงคไพสิฐ หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดนปพ.จ.นราธิวาสและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวเดินทางทยอยเก็บกู้และยิงทำลายวัตถุต้องสงสัย พบว่าส่วนใหญ่ทั้ง 43 จุด เป็นระเบิดจริง ที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในกระป๋องน้ำมันหล่อลื่นของรถ จยย. กล่องเหล็กและกล่องกระดาษ ซึ่งมีน้ำหนักตั้งแต่ 1 ก.ก.- 10 ก.ก.

                โดยเฉพาะที่ อ.ระแงะ เจ้าหน้าที่ทหารพรานกรมทหารพรานที่ 45 จำนวน 2 นาย เข้าไปเพื่อแกะธงชาติประเทศมาเลเซีย ที่ผูกไว้กับกิ่งไม้ริมถนนในหมู่บ้านยะหอ ม.3 ต.บองอ อ.ระแงะ แต่เท้าได้ไปเหยียบระเบิดที่ตั้งดักไว้ ทำให้ ส.ท.ทรงศักดิ์ แท่งสกุล และ อส.ทพ.ชาญณรงค์ กรจันทร์ ถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณเท้าทั้ง 2 ข้างบาดเจ็บ อ.บาเจาะ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวน สภ.บาเจาะ ได้เดินเข้าไปแกะธงชาติมาเลเซีย ที่ผูกไว้ริมถนนสายบาเจาะ-บ้านทอน ช่วงบริเวณบ้านบือเร๊ะ ม.1 ต.บาเร๊ะใต้ แต่ระเบิดทำงานไม่ครบวงจรทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรอดตายไปได้อย่างหวุดหวิด 

              ส่วนที่ อ. จะแนะ คนร้ายได้จุดชนวนระเบิดที่บริเวณเสาไฟส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือระบบ AIS ซึ่งตั้งอยู่บ้านกูมุง ม.2 ต.ช้างเผือก ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานกองร้อยทหารพรานที่ 4609 ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย คือ อส.ทพ.อนันต์ อุ่นเพ็ญ ขณะเข้าไปแกะเชือกธงชาติมาเลเซียที่ผูกติดไว้บริเวณเสา

               นอกจากนี้แล้วในช่วงเวลา 08.10 น. ได้มีคนร้ายจำนวน 2 คน ขี่รถ จยย.เป็นพาหนะ เมื่อผ่านบริเวณหน้าสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.ระแงะ ซึ่งตั้งอยู่เขตเทศบาลตำบลตันหยงมัส ได้ใช้ระเบิดขว้างใส่เข้าไปในสำนักงาน แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ

ชี้31สิงหา วันสถาปนา “เบอร์ซาตู”

                 แหล่งข่าวในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ เปิดเผยว่า คาดว่าสาเหตุที่กลุ่มแนวร่วมในพื้นที่สร้างสถานการณ์เนื่องจากรำลึกถึงวันที่ 31 ส.ค.ของทุกปี ตรงกับวันชาติของประเทศมาเลเซีย หรือวันเมอร์เดการ์  (เอกราช)

                 นอกจากนั้นเป็นวันครบรอบการก่อตั้งขบวนการเบอร์ซาตู (BERSATU)เพื่อเอกราชปัตตานี)  (United Fronts for Patani Independence) หรือ โดยทางกลุ่มขบวนการโจรก่อการร้ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลายกลุ่ม คือ 1.ขบวนการแนวร่วมอิสลามปลดปล่อยปัตตานี(BIPP) 2.ขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมาลายู(BRN) 3.ขบวนการกู้ชาติปลดปล่อยรัฐปัตตานี (PULO) และ4.ขบวนการมูจาฮีดินอิสลามปัตตานี (GMIP) 

                  นอกจากนี้ยังมีกลุ่มเล็กๆอีกหลายกลุ่ม ได้ร่วมกันเซ็นสัญญาพร้อมกั้น เมื่อวันที่ 31 ส.ค.2532   แต่ปัจจุบันกลุ่มเหล่านี้ได้แยกออกไปแล้ว ประกอบกับแต่ละกลุ่มไม่มีกลุ่มหัวหน้ากลุ่มในการขับเคลื่อน

ทหาร แถลงป่วนใต้3จังหวัด102จุด

                 พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า / รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้แถลงเหตุการณ์คนร้ายไม่ทราบจำนวนนำวัตถุต้องสงสัยมีธงชาติมาเลเซียนำไปวางไว้หลายจุดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 

                 จากการเข้าไปตรวจสอบของทางเจ้าหน้าที่ ทางกลุ่มคนร้ายได้วางวัตถุต้องสงสัย ทั้งเป็นระเบิดจริงและระเบิดปลอม การเผาทำลายธงชาติไทยและการติดตั้งธงชาติมาเลเซีย ในพื้นที่จังหวัดยะลาจำนวน 34 จุด พื้นที่จังหวัดนราธิวาสจำนวน 44 จุด พื้นที่จังหวัดปัตตานีจำนวน12 จุด และพื้นที่จังหวัดสงขลาจำนวน12 จุด รวมทั้งสิ้นจำนวน 102 จุด

                 จากการตรวจสอบการวางระเบิดชนิดแสวงเครื่องบรรจุในกระป๋อง จำนวน 5 พื้นที่ด้วยกัน คือในพื้นที่อำเภอเมืองจังหวัดนราธิวาส อ.ระแงะ อ.จะแนะ อ.สุไหงปาดี และ อ.บาเจาะ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจำนวน 6 นาย เป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยนาวิกโยธินทหารเรือ ที่ อ.เมืองนราธิวาสจำนวน 3 นาย ในพื้นที่ อ.ระแงะ เป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 จำนวน 2 นาย และในพื้นที่ อ.จะแนะเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 จำนวน 1นาย ซึ่งขณะนี้ได้มีการนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นที่เรียนร้อยแล้ว

               ส่วนในพื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี แลละจังหวัดสงขลา ไม่เหตุการณ์เป็นเพียงการวางวัตถุต้องสงสัยปลอม จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น กลุ่มคนร้ายพยายามที่จะสร้างภาพข่าวให้เกิดการรับรู้ไปสู่สาธารณชน โดยเลือกที่จะปฏิบัติในวันสำคัญเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งในวันนี้เป็นวันที่ได้รับเอกราชของประเทศมาเลเซีย และเป็นวันครบรอบการจัดตั้งขบวนการเบอร์ซาตู

                พ.อ.ปราโมทย์  กล่าวว่า การรวมกลุ่มต่างๆที่มีการเคลื่อนไหวต่อสู้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มบีอาร์เอ็น กลุ่มพูโล กลุ่มจีเอ็มพี ในพื้นที่ ความต้องการในการสร้างสถานการณ์ในวันเชิงสัญลักษณ์เพื่อต้องการสร้างความฮึกเหิมให้กับกลุ่มแนวร่วม และสร้างสถานการณ์เพื่อให้เกิดการรับรู้สู่สาธารณะอย่างกว้างขวาง การเผาทำลายธงชาติไทยรวมทั้งมีการติดตั้งธงตราสัญลักษณ์ของประเทศมาเลเซีย

              ทั้งนี้ฝ่ายข่าววิเคราะห์ว่า กลุ่ใขบวนการต้องการที่จะสร้างความเกลียดชัง และความหวาดระแวงต่อกันระหว่างประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย

               “อยากจะเรียนว่าประเทศไทยกับประเทศมาเลเซีย เรามีความสัมพันธ์อันดีมาโดยตลอด ทั้งในระดับนโยบายและหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ โดยในระดับพื้นที่ช่วงที่ผ่านมามีการฝึกร่วมกัน การพัฒนาร่วมกันในระดับชายแดนดีมาโดยตลอด”พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวและว่า

              ฉะนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคงไม่ทำให้ประเทศไทยกับประเทศมาเลเซียมีความบาดหมางกัน ซึ่งในห่วงเวลานี้หลายประเทศมีการตื่นตัว การเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน การแสดงออกของกลุ่มก่อความไม่สงบในครั้งเป็นการต่อต้านที่ไม่ต้องการเข้าร่วมเป็นประชาคมอาเซียน เพราะจะทำให้ช่องทางในการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบเป็นไปได้ยากขึ้น