Life style
Home   /   Life style  /   สัมผัสวิถีมุสลิม

ล่องเรือเลาะริมฝั่งอันดามัน
สัมผัสวิถีมุสลิม"บ้านโคกไคร"

บายไลน์ : จะบังติกอ
+++
         สำนักข่าวอะลามี่ : " ทุ่งสาหร่าย หาดทรายร้อน ดอนหอบตลับ กองทัพปูแดง แหล่งชุมชนโบราณ ตำนานสองพี่น้อง ลำคลองปันแดน หมื่นแสนภูมิปัญญา เรียนรู้ค่าสมุนไพร "

        มองเห็นป้ายสโลแกนติดหราหน้าปากทางเข้าหมู่บ้านโคกไคร ต.มะรุ่ย อ.ทับปุด จ.พังงา  วันนี้กลายเป็นหมู่บ้านดีเด่นระดับประเทศ  ติด 1 ใน 8 หมู่บ้าน ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศตาม โครงการหมู่บ้าน  โอท็อป เพื่อการท่องเที่ยว (OTOPVillage Champion:OVC) ประจำปี 2556 ของกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย
            เช้าตรู่ในวันฝนพรำ เรามีนัดกับ "บังโสบ" สมพร สาระการ หนุ่มใหญ่วัยกลางคน ในฐานะผู้ประสานงานประจำหมู่บ้านและกรรมการการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ชุมชนบ้านโคกไคร  จะพาไปสัมผัสวิถีชุมชนที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายมุสลิม เนื่องจากชาวบ้านส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 95 นับถือศาสนาอิสลาม และวิถีธรรมชาติ ที่ยังคงสภาพดั้งเดิมรอทุกคนไปสัมผัส

         เดิมบ้านโคกไคร  เป็นป่าทึบมีเนินเล็ก ๆ จำนวนมากและมีตะไคร้ชนิดหนึ่ง คือตะไคร้หอมขึ้นเต็มไปหมด ชาวบ้านสมัยนั้นจึงสร้างหลักปักฐาน  ณ  ที่แห่งนี้ และเรียกถิ่นที่อยู่ว่า "บ้าน่โคกตะไคร้"  ต่อมาเพี้ยนเป็น  "บ้านโคกไคร"
        "  วันนี้ฟ้าฝนไม่เป็นใจเลยต้องเปลี่ยนแผนนิดหน่อยนะครับ" บังโสบ เอ่ยกับทุกคนที่ต่างทะยอยลงเรือหัวโทง มีหลังคา เพื่อเดินทางไปสัมผัส "หาดทรายร้อน"หรือ น้ำร้อนเค็มในคลองมะรุ่ย ซึ่งนั่งเรือย้อนขึ้นไปประมาณ 30 นาที

            หากตามแผนเดิมนั้นเราจะต้องไปชมปูมดแดงที่หาดตั้งเลน ซึ่งเป็นหาดทรายขาวบริสุทธิ์ที่จะพบได้ตอนน้ำลดเท่านั้น และเป็นพื้นที่เต็มไปด้วยฝูงปูมดแดงนับหมื่นนับแสนตัวขึ้นมาจากรูคลานเต็มหาดซึ่งพบเห็นความสวยงามเช่นนี้ได้ไม่กี่วันในรอบหนึ่งเดือน และพบเห็นได้เฉพาะที่นี่ที่เดียวในประเทศไทยอีกด้วย
            ระหว่างนั่งเรือไปยังหาดทรายร้อนจะสังเกตเห็นฟาร์มเลี้ยงปลาและฟาร์มเลี้ยงหอยของชาวบ้านตลอดริมสองฝั่งคลอง  บังโสบ บอกว่า ชาวบ้านที่นี่มีเลี้ยงปลากะพงขาว และหอยนางรม เป็นอาชีพหลัก
โดยผลผลิตเกือบทั้งหมดจะส่งไปขายที่ จ.ภูเก็ต โดยมีจะมีพ่อค้าแม่ค้ามารับซื้อถึงฟาร์ม แต่ระยะหลังมีหน่วยงานราชการเข้ามาส่งเสริมแปรรูปสัตว์น้ำ จึงทำให้ชาวบ้านมีการรวมกลุ่มแปรรูปเพิ่มมูลค่าเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆมากขึ้น จึงไม่มีปัญหาในเรื่องราคาตกต่ำ เพราะหากชาวบ้านไม่พอใจในเรื่องราคาก็จะนำสัตว์น้ำเหล่านั้นมาแปรรูปแทน
        บังโสบ บอกว่า ที่นี่มีผลิตภัณฑ์เด่นหลายอย่าง เช่นกุ้งย่าง ก็เป็นวัตถุดิบหลักในการทำน้ำพริกกุ้งเสียบ ปลารมควัน ก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติชอบมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย เขาจะนิยมรับประทานปลารมควัน นอกจากนี้ก็กะปิทำมือ ผลิตจากกุ้งเคยแท้กุนเชียงปลา โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้จดทะเบียนทางการค้ามีชื่อว่า "ทรัพย์สมุทร "

         " ใกล้ถึงแล้วหาดทรายร้อน "บังโสบ ชี้ให้ดูกลุ่มควันที่ฟุ้งตลบทั่วบริเวณ ขึ้นมาจากใต้หาดทรายโคลน ในขณะที่คนขับเรือก็เริ่มชะลอความเร็วเรือ เพื่อเตรียมจอดริมหาด หลังเรือจอดไม่ทันนิ่ง จากนั้นทุกคนก็ลงจากเรือและวิ่งกรูเข้าไปยังจุดหมายด้วยความตื่นเต้น พร้อมใช้เท้าฝังเข้าไปในทรายที่เต็มไปด้วยขี้โคลนเพื่อทดสอบความร้อนทันที เพื่อทดสอบสรรพคุณว่าสามารถช่วยกระตุ้นให้เลือดลมให้ไหลเวียนดีขึ้น ซึ่งปกติมักจะมีคนไข้ที่มีอาการเกี่ยวเส้นเอ็น และกล้ามเนื้อ พากันไปเดินย่ำทรายร้อน หรือ เล่นน้ำทะเลร้อน เป็นประจำ

            หลังใช้เวลาพอสมควร เราเดินทางย้อนกลับทางเดิม เพื่อไปชมความงามยังจุดหมายต่อไปนั่นคือเวิ้งหุบเขา หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "ลากูน" ซึ่งอยู่รอยต่อ จ.กระบี่ ในเขตพื้นที่ อ.อ่าวลึก  โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ

            ตลอดเส้นทางจะพบเห็นสภาพความสมบูรณ์ของป่าชายเลนที่เต็มไปด้วยต้นโกงกาง บังโสบ บอกว่า ป่าโกงกางเหล่านี้ ได้ช่วยชีวิตชาวบ้านโคกไคร เอาไว้ เมื่อครั้งเกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ ถล่มชายฝั่งทะเลอันดามันเมื่อเกือบ10 ปีก่อน


        ใช้เวลา 1 ชั่วโมงเศษก็ถึงที่หมาย จากนั้นก็เปลี่ยนมาลงเรือคายัค เพื่อพาไปสัมผัสความงดงามของลากูน และถ้ำลอดที่เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อย ระหว่างทางจะพบกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาชมความงามเป็นระยะ ๆ มีทั้งคนไทย คนจีนและฝรั่ง หรือ ถ้าใครชอบการตกปลาก็จะมีบริการตกปลาเล็กหน้าดินโดยเรือหัวโทงของชาวประมงพื้นบ้าน
        หลังเต็มอิ่มกับการสัมผัสธรรมชาติของลากูนและถ้ำลอด จากนั้นก็กลับมาขึ้นเรือหัวโทง เพื่อเดินทางไปดูความงามของภาพเขียนโบราณที่ถ้ำผีหัวโต ซึ่งมีภาพเขียนภายในถ้ำมากกว่า 100 ภาพ ที่บอกเรื่องราวและพิธีกรรมความเชื่อและวิถีชีวิตของมนุษย์ในอดีตมากกว่า 3,000 ปี
            ดื่มด่ำกับเรื่องราวในอดีตจนเต็มอิ่ม จากนั้นจึงมุ่งสู่ที่หมายสุดท้ายคือ หาดตั้งเลน แหล่งอาศัยของปูมดแดง แต่น่าเสียดาย ฝนฟ้าไม่เป็นใจ ในช่วงเวลาที่เดินทางไปฝนกลับเทลงมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน ทำให้อดเห็นความสวยงามของปูมดแดงนับหมื่นนับแสน ที่ขึ้นมาตากแดดตากลมบนชายหาด

             เดินเตร็ดเตร่อยู่บนหาดพักใหญ่ไม่มีท่าทีว่าฝนจะหยุดตก จึงตัดสินใจบึ่งเรือ กลับบ้านโคกไคร ทันที
            และทันทีที่มาถึงท่าเทียบเรือประจำหมู่บ้าน ทุกคนต่างกรูกันไปนั่งล้อมวงรับประทานมื้อกลางวันด้วยอาหารทะเล และเมนูพื้นเมืองปักษ์ใต้

            หนึ่งวันกับความประทับใจที่บ้านโคกไคร จึงอยากบอกต่อยังไปคนรักธรรมชาติ ถ้าต้องการสัมผัสวิถีชีวิต วิถีวัฒนธรรมและธรรมชาติอันบริสุทธิ์ พร้อมชิมอาหารทะเลสดอร่อย บ้านโคกไคร ก็เป็นอีกทริป ที่น่าสนใจ

   
 หมายเหตุ ติดต่อ : สมพร สาระการ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บ้านโคกไคร มือถือ 08-7886-0465 หรือ อีเมลล์ : sompon_kct@hotmail.com

ีพิมพ์ครั้งแรก :นิตยสาร ดิ อะลามี่ ฉบับเดือนธันวาคม 2556