The Alami Report
Home   /   The Alami Report  /   เกาะรูน ในหมู่เกาะบันดา จังหวัดโมลุกะ เกาะเล็กๆที่มีร่องรอยประวัติศาสตร์

เกาะรูน ในหมู่เกาะบันดา จังหวัดโมลุกะ

เกาะเล็กๆที่มีร่องรอยประวัติศาสตร์

โดย นิรากิ๊บ บิน นิ ฮัสซัน


              สำนักข่าวอะลามี่:   เมื่อเราศึกษาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของอินโดเนเซีย เราจะรู้ว่า หมู่เกาะโมลุกะ (Moluccas) หรือ มาลูกู (Maluku) ในปัจจุบัน นับเป็นจังหวัดที่มีชื่อเสียงในอดีต โดยเฉพาะในด้านการผลิตเครื่องเทศ

            การเดินทางไปยังจังหวัดโมลุกะ นับว่าเป็นการเดินทางที่ใช้เวลานานพอสมควร เรานั่งเครื่องบินใช้เวลา 3 ชั่วโมงครึ่งจากกรุงจาการ์ตาไปยังเมืองอัมบน เมืองเอกของจังหวัดโมลุกะ หลังนั้นใช้เวลาเดินทางด้วยเรือเป็นเวลา 7 ชั่วโมง จากเมืองอัมบนไปยังหมู่เกาะเกาะบันดา

             การเดินทางไปยังเมืองบันดาไนรา เมืองที่เป็นศูนย์การปกครองของหมู่เกาะบันดา และเดินทางต่อไปจากเมืองบันดาไนรา ไปยังเกาะรูนด้วยเรือเร็วใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง  และหมู่เกาะบันดา นี้ประกอบด้วยเกาะแก่งต่างๆจำนวน 10 เกาะ โดยเกาะรูน เป็นหนึ่งในสิบเกาะ ที่อยู่ในหมู่เกาะบันดา

            เกาะรูน เป็นเกาะสำคัญที่ผลิตเครื่องเทศ และที่นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์การค้าเครื่องเทศ

            เกาะรูน เป็นเกาะเล็กๆ มีความยาวประมาณ 3 กิโลเมตร และมีความกว้างน้อยกว่า 1 กิโลเมตร ปัจจุบันมีชุมชนเล็กๆอาศัยอยู่ เกาะรูน มีแหล่งท่องเที่ยว แหล่งดำน้ำชมความงามใต้ทะเล ในปัจจุบันเกาะรูน มีบทบาทน้อยกว่าบทบาทของเกาะรูนในอดีต

           เมื่อเรารู้จักอดีตของเกาะรูน เราก็จะเห็นถึงความสำคัญของเกาะรูน ในศตวรรษที่ 17  เกาะรูน เป็นเกาะที่มีชื่อเสียงในเรื่องการผลิตเครื่องเทศ สำหรับเครื่องเทศ หรือ ชื่อภาษามลายูเรียกว่า ปาลา (Pala)  และภาษาอังกฤษว่า  Nutmeg โดยจันทน์เทศ หรือ ลูกจันทน์ เป็นเมล็ดภายในผลจันทน์เทศ ซึ่งเป็นต้นไม้ยืนต้น มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Myristica fragrans Houtt ถิ่นกำเนิดของจันทน์เทศ อยู่ที่หมู่เกาะบันดา ของหมู่เกาะโมลุกกะ เครื่องเทศ

            นอกจากทำให้รสชาติของอาหารดีขึ้นแล้ว ยังเป็นยาอีกด้วย ในอดีตประเทศยุโรป จันทร์เทศ ถือเป็นสินค้าที่สำคัญมาก และยังเป็นสินค้าที่หายาก

         นักเดินเรือจาก บริษัทอิสต์อินเดียอังกฤษ ที่อาศัยอยู่บนเกาะชวา ประกอบด้วย James Lancester, John Davis, Sir Henry Middleton และน้องชายชื่อ John Middleton ได้เดินทางถึงเกาะรูนในปี 1603 และสร้างความสัมพันธ์กับชาวเกาะรูน 

            ต่อมาเมื่อ 25 ธันวาคม 1616 กัปตัน Nathaniel Courthope และลูกเรือได้เดินทางไปยังเกาะรูน เพื่อปกป้องจากการอ้างของ บริษัทอิสต์อินเดียฮอลันดา และมีการทำสัญญากับชาวเกาะรูน โดยชาวเกาะรูน ยอมรับว่ากษัตริย์เจมส์ ที่ 1 ของอังกฤษเป็นผู้ปกครองเกาะรูน 

             ใน 4 ปีต่อมาภายหลังการเสียชีวิตของ กัปตัน Nathaniel Courthope ชาวอังกฤษ และพันธมิตรคนพื้นเมือง จึงย้ายออกไปจากเกาะรูน

              เกาะรูน ได้กลายเป็นที่แย่งชิงของเจ้าอาณานิคมจากตะวันตก   แม้ว่าเกาะรูน จะมีอังกฤษเป็นคนยึดครอง แต่ ฮอลันดา ก็ไม่ยอมแพ้ ส่งทหารไปยึดครองเกาะรูน จนเกิดเป็นสงครามระหว่างอังกฤษกับฮอลันดาครั้งแรกระหว่างปี 1652-1654

             ในสนธิสัญญา เวสต์มินสเตอร์ ยุติสงครามครั้งแรก ระหว่างอังกฤษกับฮอลันดาระหว่างปีข้างต้นนั้น โดยเกาะรูนต้องมอบคืนให้แก่อังกฤษ แต่ความพยายามครั้งแรกในปี 1660 ปรากฏว่า ประสบความล้มเหลว ด้วยเกิดจากความไม่ต้องการมอบของฮอลันดา  และในปี 1665 พ่อค้าชาวอังกฤษถูกขับไล่ออกจากเกาะ และฮอลันดา ได้ทำลายต้นเครื่องเทศบนเกาะ ในอดีตนั้นกลายว่าเครื่องเทศหนึ่งกำมีค่ามากกว่าทองคำหนึ่งกำเสียอีก เพราะเครื่องเทศเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง

           และได้เกิดสงครามครั้งที่ 2 เกิดขึ้นในปี 1665 และยุติลงเมื่อ 31 กรกฎาคม 1667  ได้มีการทำสนธิสัญญาสงบศึก เรียกว่า สนธิสัญญาเบรดา โดยจัดทำขึ้นที่เมืองเบรดา ทางภาคใต้ของประเทศฮอลันดา

          โดยเกาะรูน อังกฤษได้มอบให้กับฮอลันดา ในทางกลับกัน ได้มอบเกาะแมนฮัตตัน ที่ นิวอัมสเตอร์แดม (New Amsterdam) ให้กับอังกฤษ และได้เปลี่ยนชื่อ นิวอัมสเตอร์แดม มาเป็น นิวยอร์ค (New York) ของสหรัฐดังเช่นปัจจุบัน  ในระยะเวลาราว 350 ปีหลังจากที่ได้ทำการแลกเปลี่ยนดินแดนกัน สถานการณ์ก็ได้เปลี่ยนแปลงได้ จนทั้งสองดินแดนที่มีกรแลกเปลี่ยนกันนั้นไม่อาจเทียบกันได้อีกเลย และในปัจจุบันแมนฮัตตันของนิวยอร์คได้กลายเป็นแหล่งการเงินที่สำคัญของสหรัฐ แต่ในทางกลับกัน เกาะรูน กลายเป็นเกาะที่น้อยคนจะรู้จัก

           เกาะรูน รวมทั้งเกาะอื่นๆที่อยู่ในหมู่เกาะบันดาที่เป็นแหล่งผลิตเครื่องเทศมีความสำคัญลดลง ด้วยในขณะที่ฮอลันดาสามารถควบคุมตลาดการผลิตเครื่องเทศนั้น ทางเมื่ออังกฤษได้ส่งเสริมให้มีการผลิตเครื่องเทศในดินแดนที่ตนเองยึดครอง เช่น ศรีลังกา เกรนาดา และอื่นๆ  แม้ว่าความสำคัญของเครื่องเทศจะหายไปจากเกาะรูน รวมทั้งเกาะอื่นๆในหมู่เกาะบันดา แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ขาดหายไปจากหมู่เกาะข้างต้น คือ ความอุดมสมบูรณ์ใต้ทะเล ที่เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ  

           นางซูซี ปูยีอัสตูตู (Susi Pujiastuti) รัฐมนตรีกิจการประมงของอินโดเนเซีย เมื่อครั้งเดินทางไปยังเกาะรูน กล่าวว่า เธอเองไม่เคยรู้ว่าเกาะรูน เป็นเกาะที่มีการแลกเปลี่ยนกันกับเกาะแมนฮัตตัน นิวยอร์ค เพิ่งรู้เมื่อเดินทางมาเกาะรูนนี้แหละ 

          เธอกล่าวว่า เกาะรูน ไม่เพียงจะมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ แต่เกาะรูนยังเป็นแหล่งท่องเที่ยว การดำน้ำ นอกจากนั้นเกาะรูน น่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อีกด้วย

           จังหวัดมาลูกุเอง ด้วยเคยเป็นดินแดนที่ถูกเจ้าอาณานิคมตะวันตกยึดครอง และเผยแพร่ศาสนาคริสต์ ทำให้ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ ทำให้จังหวัดมาลูกุ มีประชากรทั้งที่นับถือศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลาม เคยทำให้ผู้นับถือศาสนาทั้งสองกลุ่มเกิดความขัดแย้งรุนแรง สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินให้กับทั้งสองกลุ่ม ทางจังหวัดหมู่เกาะมาลูกุเอง ก็มีความพยามที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวของหมู่เกาะบันดา  มีเกาะรูน อยู่ในหมู่ดังกล่าวด้วย

            ระหว่างวันที่ 23-28 ตุลาคม 2561 ทางจังหวัดมาลูกุ ได้เป็นเจ้าภาพจัดการสัมมนาระหว่างนักวรรณกรรม นักวัฒนธรรมจากกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษามลายู/อินโดเนเซีย ประกอบด้วยอินโดเนเซีย มาเลเซีย บรูไน สิงคโปร์ และจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยงานนี้ได้แทรกเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของงานที่ใช้ชื่อว่า Banda Fiesta 2018 เป็นการประชาสัมพันธ์หมู่เกาะบันดา ที่มีเกาะรูน อยู่หมู่เกาะดังกล่าวด้วย

             การเข้าร่วมงานในครั้งนี้ นอกจากได้รับรู้ข้อมูลเล็กๆ แต่ใหญ่ยิ่งในแง่ของประวัติศาสตร์อินโดนเซีย เมื่อได้รู้ถึงเกาะเล็กๆเกาะหนึ่งเกือบสุดทางตะวันออกของอินโดเนเซีย ที่ได้เคยถูกแลกเปลี่ยนดินแดนกันกับเกาะแมนฮัตตัน นิวยอร์ค สหรัฐในปัจจุบัน  ยังสามารถได้เรียนรู้วิธีการประชาสัมพันธ์หมู่เกาะดังกล่าว อันจะสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการประชาสัมพันธ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย