The Alami Report
Home   /   The Alami Report  /   ครูฟอง” ครูคนสุดท้ายที่ถูก ขจก.จับตัว

ความทรงจำของนักข่าวภูธร ตอน“ครูฟอง” ครูคนสุดท้ายที่ถูก ขจก.จับตัว
โดย Chanwittaya Chaikul

** “ครูฟอง” ครูคนสุดท้ายที่ถูก ขจก.จับตัว


                 เรื่องของครูฟอง หรือ ฟอง เพ็ชรบุญ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานแล้ว ตอนนั้นผมยังตระเวนทำข่าวอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แบบค่ำไหนนอนนั่น การที่ผมเอามาเขียนถึงอีกครั้ง ก็เพราะเห็นว่ามีมุมมองบางอย่างที่น่าสนใจ ต่อปัญหา ขจก.ซึ่งหันมาฆ่าครูใต้ แทนที่จะจับตัวไปต่อรองอย่างแต่ก่อน 

                อีกทั้งเมื่อเร็วๆนี้ ตอนที่ไปทำข่าวการประชุมสมัชชาสุขภาพที่จังหวัดเชียงใหม่ ผมได้พบปะพูดคุยกับ คุณอารีดา สาเม๊าะ ผู้สื่อข่าวของศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ ในฐานะคนสื่อและเป็นสตรีมุสลิมรุ่นใหม่ ที่ค่อนข้างไฟแรงแต่ไม่ค่อยได้รู้เรื่องราวบางอย่างในอดีต โดยได้ผมบอกเธอว่า “ครูฟอง” คือครูคนสุดท้ายที่ถูกขบวนการโจรก่อการร้ายจับตัวไป เธอสนใจมาก แต่ไม่รู้ว่าจะไปหาอ่านเรื่องราวนี้ได้จากที่ไหน ผมก็เลยกลับมาค้นหาแฟ้มข่าวเก่าๆ แล้วเรียบเรียงมาเสนอไว้ ณ ที่นี้ บางทีอาจจะเป็นประโยชน์ให้กับผู้ที่สนใจเรื่องราวใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย

                หลังจากที่ประเทศไทยได้ยอมถอนหนามที่ปักอกประเทศมาเลเซียในเรื่องปัญหาโจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายา (จคม.) ซึ่งจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธขึ้นต่อสู้กับรัฐบาลมาเลเซีย ตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย โดยมีการลงนามสนธิสัญญาสันติภาพระหว่าง 3 ฝ่าย คือ จคม.-รัฐบาลมาเลเซีย-รัฐบาลไทย เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2532 ที่ห้องประชุมโรงแรมลีการ์เด้นหาดใหญ่ ทำให้มีการสลายกองกำลัง จคม. กรม 8 กรม 10 และ กรม 12 ออกมาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ซึ่งในขณะนั้นมี พล.ต.กิตติ รัตนะฉายา เป็นรองแม่ทัพกองทัพภาคที่ 4 (ยศ-ตำแหน่ง ในขณะนั้น)

                ขณะที่กองทัพและชาวใต้ส่วนหนึ่งยินดีกับแผนสันติภาพที่เกิดขึ้นและอีกส่วนหนึ่งมองว่า การที่เรายอมสลายลิ่มหนามให้กับประเทศมาเลเซีย โดยที่ปัญหา ขจก.ยังมีอยู่ น่าจะเป็นผลร้ายมากกว่าผลดีต่อฝ่ายไทยนั้น ในตอนเย็นวันที่ 18 ธันวาคม 2532 ซึ่งถัดมา เพียง 16 วัน ขบวนโจรก่อการร้าย (ขจก.) กลุ่มบีอาร์เอ็น (Barisan Revolusi Nasional Melayu Patani) ก็สำแดงอิทธิฤทธ์โดยเข้าทำการจับกุมตัวครูฟอง หรือ ฟอง เพ็ชรบุญ รักษาการในตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ โรงเรียนนิคมพัฒนาภาคใต้ (นิคมคือลอง) อ.บันนังสตาร์ จ.ยะลา โดยยื่นเงื่อนไขให้มีการแลกเปลี่ยนตัวครูฟองกับ นางปาซียะ ลูโบ๊ะ ภรรยาของ นายอุสมา กาปา แกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็นที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่จังหวัดยะลาและนราธิวาส ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวไปก่อนหน้านั้น

                กรณีที่ ขจก.จับตัวครูเป็นตัวประกันในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มักจะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เพื่อกดดันเจ้าหน้าที่ไม่ให้รุกไล่ปราบโจรซึ่งอยู่บนเขาบูโด หรือกรณีถูกล้อมฐานที่มั่น และจับจับตัวครูในทุกครั้งเมื่อเจ้าหน้าที่จับบรรดาแกนนำสำคัญๆหรือสตรีมุสลิมที่เป็นภรรยาหรือเครือญาติของ ขจก. เพื่อบีบบังคับให้เจ้าหน้าที่ปล่อยตัว ทำนองว่าแลกเปลี่ยนกัน 

                แต่คราวนี้ เนื่องจากว่าครูฟองเป็นครูที่ชาวบ้านในพื้นที่รักใคร่มากที่สุดคนหนึ่ง อีกทั้งองค์กรครูในภาคใต้เห็นว่าการจับครูนั้นเป็นเรื่องที่รับไม่ได้อีกต่อไปแล้ว จึงได้รวมพลังกันออกมาเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ โดยมีโรงเรียนนับร้อยแห่งประกาศหยุดการเรียนการสอนอย่างไม่มีกำหนด และเรียกร้องให้ทางการช่วยครูฟองออกมาอย่างปลอดภัย รวมทั้งขอให้มีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการออกมาปราบปราบ ขจก.อย่างจริงจังให้มากขึ้น

                เมื่อทางการถูกแรงกดดันทั้งสองด้าน ดังนั้นในวันที่ 26 ธันวาคม ทางการก็ยินยอมปล่อยเมียของนายอุสมา กาปา ไปเป็นอิสระเพื่อขอแลกเปลี่ยนกับครูฟอง หลังจากที่ถูกจับตัวขึ้นไปอยู่กับ ขจก.บนเทือกเขาบูโดนาน 8 วัน 7 คืน

                การจับตัวครูฟองไปเป็นตัวประกันครั้งนั้น ว่ากันว่า ขจก.ต้องเสียคะแนนเสียแนวร่วมไปเป็นจำนวนมาก

                เนื่องจากว่าครูฟอง เป็นครูที่เด็กนักเรียนและชาวบ้านรักมาก เป็นครูที่ทำงานเพื่อเสียสละให้กับเด็กอย่างแท้จริง ครูไม่เคยมีปัญหากับคนในพื้นที่และไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องความขัดแย้งทางการเมือง

                ความเป็นครูด้วยหัวใจของครูฟอง สะท้อนได้จาก ช่วงที่ครูถูกจับอยู่ในป่า ครูฟองได้เขียนจดหมายออกมาภายนอก2 ฉบับ และแทนที่เธอจะเขียนถึงพ่อ-แม่ หรือสามีที่เธอรัก เธอกลับเลือกที่จะเขียนจดหมายไปถึงเด็กนักเรียนชั้น ป.6 ที่เธอรับผิดชอบสอนอยู่ โดยได้เขียนไปขอให้เด็กๆ อย่าเสียขวัญและกำลังใจ ขอให้เร่งอ่านหนังสือหนังหาและตั้งใจเล่าเรียน ส่วนอีกฉบับหนึ่ง ครูฟองได้เขียนไปถึงเพื่อนครูในโรงเรียน บอกว่าเธออยู่สบายดี ขจก.ไม่ไก้ทำร้ายเธอแต่อย่างใด เพื่อเป็นกำลังใจให้กับเพื่อนครูในการสอนเด็ก

                เมื่อจดหมายฉบับนี้ถูกส่งถึงมือครูและเด็กในโรงเรียนบ้านคือลอง ได้มีการทำสำเนาแจกจ่ายไปยังเด็กนักเรียนและเพื่อนครูในโรงเรียนอื่นๆ ในพื้นที่อีกนับพันๆ แผ่น สร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ได้อ่าน หลายคนน้ำตาซึม และมีความรู้สึกตรงกันว่า ครูฟอง คือแม่พิพม์ของชาติอย่างแท้จริง

                ความเป็นครูที่ดีและมีน้ำใจของครูฟองนอกจากชนะใจเด็กนักเรียนและเพื่อนครู รวมถึงข้าราชการอื่นๆในพื้นที่แล้ว ปรากฏว่าช่วงเพียงไม่กี่วันที่ครูฟองอยู่ในป่ากับขจก.นั้น เธอยังสามารถชนะใจของ ขจก.ในกลุ่มของนายอุสมาน กาปา อีกด้วย โดยบรรดา ขจก.กลุ่มนั้น ดูแลและให้เกียรติครูฟองเป็นอย่างดี เรียกเธอว่า ครู ตลอดเวลา ไม่ได้ข่มเห็ง ทำร้าย เช่นคนที่เป็นสัตรูต่อกัน

               ครูฟองเล่าให้ผมฟังว่า วันที่เธอถูกจับกุมตัวไปนั้น เป็นช่วงเย็น หลังจากเลิกสอนเด็กและเสร็จจากการประชุมเพื่อนครูที่โรงเรียนเกี่ยวกับมาตรการป้องกันโรงเรียนจากภัยโจรก่อการร้าย เธอขับรถจักรยานยนต์มาตามถนนใหญ่เพื่อกลับบ้านพักในตัวเมือง จังหวัดยะลา ซึ่งห่างไปประมาณ 50 กิโลเมตร ช่วงหนึ่งก็ได้เจอเข้ากับชายชุดดำอายุไม่น่าจะเกิน 30 ปี ยืนอยู่ข้างข้าง เมื่อรถวิ่งเข้าไปใกล้ เขาก็โบกมือให้หยุดและยกมือไหว้ 

               จากนั้นก็มีชายที่แต่งตัวลักษณะเดียวกันอีก 3 คนโผล่ออกมาจากราวป่า แล้วบังคับเธอพาขึ้นภูเขา ระหว่างการเดินทางไปยังค่ายพักนั้น ขจก.กลุ่มนี้บอกว่าที่ต้องมาจับครูก็เพราะจะเอาครูไปแลกเปลี่ยนกับ ภรรยาของนายอุสมาน กาปา ที่โดนตำรวจจับตัวไป

                คืนวันนั้นต้องนอนกลางป่า 1 คืน วันรุ่งขึ้นจึงเดินไปก็ถึงฐานของกลุ่มโจร ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 14 คน เป็นชาย 10 คนและหญิง 4 คน ทั้งหมดยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว มีการเปิดน้ำแป๊บมาเลี้ยงฉลองแจกจ่าย โจรบางคนมาปลอบครูว่าอย่าคิดมาก ให้คิดเสียว่ามาปิกนิก โจรคนหนึ่งเล่าว่าเขาเรียนจบ ม.6 เคยไปสอบเป็นนักเรียนพลตำรวจที่ยะลาแต่สอบไม่ผ่าน  แต่ละคนพูดจาดี และเคร่งครัดในหลักอิสลามมีการทำละหมาดทุกวันๆ ละหลายครั้ง

                พอล่วงเข้าวันที่ 2 โจรก็นำโทรทัศน์ขึ้นไปดูข่าว เพื่อตรวจสอบว่าข่าวจับครูถูกนำเสนอหรือไม่ และเสนออย่างไร จนกระทั้งวันที่ 26 ธันวาคม  ชาวบ้านได้นำตัว นางปาซียะ ลูโบ ขึ้นมาส่งให้โจรบนภูเขา เมื่อนางปาซียะได้พบกับครูฟอง ก็เข้าไปพูดคุยกับครู ขอโทษขอโพยที่ต้องทำให้ครูลำบาก

               ครูฟองเล่าว่า ช่วงที่อยู่กับกลุ่มโจร เธอได้ถามโจรกลุ่มนี้ถ้าตำรวจไม่ปล่อยนางปาซียะ พวกเขาจะฆ่าครูหรือไม่  แต่ ขจก.บอกว่าเขาจะไม่ฆ่าครูฟอง แต่จะลงไปฆ่าครูผู้ชายแทน เมื่อถามว่าทำไมต้องจับครูแทนที่จะจับข้าราชการอื่น ขจก.บอกว่าเพราะครูนั้นจับง่ายกว่า ครูที่สอนเด็กตามชนบทกระจายอยู่ทั่วไป ขจก.รู้หมดว่าครูที่สอนในโรงเรียนแต่ละแห่ง เขาพักอาศัยอยู่ที่ไหนและเดินทางไป-กลับอย่างไร 

               สิ่งหนึ่งที่ ขจก.กลุ่มนี้บอกก็คือปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้น เป็นเพราะคนมุลลิมในพื้นที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม และการต่อสู้ที่เกิดขึ้นนี้ มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องศาสนา แต่เป็นเรื่องการเมือง พูดง่ายๆคือต้องการแผ่นดินคืน

                สิ่งที่ผมเล่ามานี้ อยากจะบอกว่าปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ใช่ว่าจะแก้ด้วยการปราบปรามอย่างเด็ดขาด ตาต่อตาฟันต่อฟัน แต่อย่างเดียว หากแต่ควรแก้ด้วยวิถีทางการเมือง อย่างเช่นการแก้ไขปัญหาโจรคอมมิวนิสต์มาลายา

               ซึ่งทุกวันนี้เลิกต่อสู้กับรัฐบาลมาเลเซียไปนานหลาย 10 ปีแล้ว ส่วนที่ ขกจ.หันมาฆ่าครูแทนที่จะจับตัวไปต่อรองนั้น ผมก็ไม่ทราบจริงๆว่าเป็นเพราะเหตุใด รู้แต่ว่า “ครูฟอง คือครูคนสุดท้ายที่ถูก ขจก.จับตัวไป”